หุ้นไทยดีดขึ้นรับกระแสรัฐบาลชุดใหม่ เอกชนหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

5 มิ.ย. – หุ้นไทยดีดขึ้นกว่า 10 จุดรับกระแสรัฐบาลชุดใหม่ ด้านเอกชนคาดหวังเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยด่วน





ในขณะนี้ การประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ 11.00 น. ก็ยังไม่เสร็จ มีการเสนอ 2 รายชื่อ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างไรก็ตาม ในแง่ภาคเอกชนมีเรื่องฝากไปถึงว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ โดยทั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. และ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เห็นว่า ปัญหาสงครามการค้าสหรัฐและจีนกระทบมาถึงเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทย ทำให้ 4 เดือนที่ผ่านมา ติดลบ ร้อยละ 1.9 เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้ เติบโตร้อยละ 2.8 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ไตรมาส ทั้ง 2 หน่วยงานจึงต้องการเห็นรัฐบาลใหม่ ออกมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการภาษีจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และต้องการให้สานต่อหลายโครงการที่รัฐบาลปัจจุบันดำเนินการทั้งโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี การช่วยเหลือสนับสนุนและพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นต้น สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังเป็นห่วง การบริหารจัดการในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ จะจัดการอย่างไร ให้มีเสถียรภาพ หากทุกอย่างราบรื่นและผลักดันนโยบายสำคัญได้ เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าไทย ประมาณเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท หรือ 60,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสถึงระดับ 1,750 จุด  โดยหุ้นกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มการบริโภคและรับเหมาก่อสร้าง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า คือ เดือนสิงหาคม 2562 พบว่าปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 87.20 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี


ส่วนกรณี ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ส่งสัญญาณอาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน และตลาดคาดการณ์จะมีการลดดอกเบี้ยในปีนี้นั้น บวกกับเรื่องความชัดเจนจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็ทำให้ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ ปิดบวกกว่า 10 จุด

มลพิษทางอากาศสร้างความเสียหายเศรษฐกิจโลก 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ในวันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อให้เกิดการรณรงค์ตื่นตัวแก้วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในหลากหลายด้านปีนี้ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme หรือ UNEP) รณรงค์ภายใต้คำขวัญ “Beat Air Pollution” โดยประเทศไทยใช้คำขวัญรณรงค์ว่า “หยุดหมอกควันและอากาศพิษ เพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม” ข้อมูลจาก UNEP พบว่า 9 ใน 10 ของประชากรโลกหายใจเอาอากาศที่ปนเปื้อนมลพิษเข้าไป ทำให้แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตก่อนวันอันควรราว 7 ล้านคน ในจำนวนนี้ เกินครึ่ง หรือ 4 ล้านคน อยู่ในแถบเอเชียแปซิฟิก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในระดับโลกถึง 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี การรณรงค์นอกจากด้านคุมมลพิษ จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า ท่อไอเสียยานยนต์ แล้ว ก็ต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียว

วันนี้ไปดูตัวอย่างที่ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐเอกชนร่วม พัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ ให้สู่ความยั่งยืน โดยได้จัด “กิจกรรมพัฒนาพื้นที่สีเขียว เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โครงการ Our Khung BangKachao” ส่งมอบกล้าพันธุ์ไม้ให้ผู้แทนชุมชน 6 ตำบล เพื่อแสดงสัญลักษณ์การเริ่มพัฒนาพื้นที่สีเขียว ระยะแรก 107 แปลง รวม 400 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ราชพัสดุในความดูแลของกรมป่าไม้ เพื่อให้คงความเป็นพื้นที่สีเขียว เป็นปอดของกรุงเทพฯ และเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนที่สำคัญของประเทศ โครงการนี้ มีเป้าหมาย ให้คุ้งบางกระเจ้าเป็นต้นแบบการพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกับพื้นที่สีเขียวได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน นับเป็นร่วมมือกันของหลายๆ องค์กรครั้งใหญ่ ที่น้อมนำแนวทางการพัฒนาตามพระราชดำริมาสืบสานขยายผล โดยจะมีงานพัฒนา 6 ด้าน ประกอบด้วย

1. การพัฒนาพื้นที่สีเขียว        2. การจัดการน้ำและการกัดเซาะริมตลิ่ง

3. การจัดการขยะ                   4. การส่งเสริมอาชีพ

5. การท่องเที่ยว                     6. การพัฒนาเยาวชน การท่องเที่ยวการศึกษาและวัฒนธรรม

ประมงยั่งยืนสร้างรายได้มั่นคง จ.ระยอง

ไปดูอีก 1 ตัวอย่าง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และทำให้เกิดอาชีพประมงที่ยั่งยืน ที่เห็นในแก้วน้ำ ถือเป็นลูกไร ปู จำนวนมหาศาล จากโครงการธนาคารปู ที่ชาวประมงเรือเล็กหนองแฟบ มาบตาพุด จ.ระยอง รณรงค์ให้ชาวประมงร่วมมือไม่ขายแม่ปูไข่นอกกระดอง ที่จะขายได้ตัวละไม่กี่สิบบาท แต่ให้ร่วมกันบริจาค เพื่อให้มาออกลูกปูและมีการอนุบาล และจะมีการปล่อยลงสู่ทะเลให้เติบโตตามธรรมชาติต่อไป แม่ปู 1 ตัว เพิ่มปริมาณปูในทะเลได้ประมาณ 2,500-10,000 ตัว นั่นแปลว่าหาก ฝากแม่ปูวันละ 1 ตัว ก็จะสามารถเพิ่มปริมาณปูในทะเลได้มากถึง 1-3 ล้านกว่าตัวต่อปีเลยทีเดียว ก็ทำให้ชาวประมงมีปูขายได้อย่างยั่งยืน ชาวบ้านเล่าว่ามีรายได้ประมาณ 2,000 บาทต่อวัน ตอนนี้ขยายไปอนุรักษ์หอยหวาน ที่เดิมหายากมาก ในขณะนี้ก็เริ่มมีหอยหวานจำหน่ายแล้ว กิโลกรัมละ 500 บาท ลุงจรัญ เข็มกลัด ประธานกลุ่มประมงเรือเล็กหนองแฟบ พูดอย่างมีความสุขว่า โครงการอนุรักษ์เช่นนี้ ยิ่งให้ ยิ่งได้ นั่นคือทำให้อาชีพประมงไปสู่ลูกหลานอย่างยาวนาน .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย