สุราษฎร์ธานี 2 มิ.ย.- ธรรมชาติให้ความสุข “วาฬเพชฌฆาตดำ” ยกฝูงโลดแล่นกลางทะเลเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี อวดสายตานักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดนานเกือบ 30 นาที ก่อนออกท้องทะเลลึก สร้างอะเมซิ่งไทยแลนด์ ชี้เป็นสัตว์ทะเลหายาก แสดงถึงสิ่งแวดล้อมสุดสมบูรณ์ ขณะที่นักดำน้ำเจอฉลามวาฬใหญ่
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำ Ban’s Diving เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ว่า เมื่อเช้าวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนำเรือพานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปท่องเที่ยวทะเลหน้าเกาะเต่า ช่วงหน้าหาดทรายรีไปทางเกาะนางยวน พบฝูงวาฬเพชฌฆาตดำ (false killer whales) ประมาณ 30 ตัว ซึ่งเป็นสัตว์หายากอาศัยอยู่บริเวณน้ำทะเลลึก กระโดดโลดแล่นข้างเรืออย่างใกล้ชิด สร้างความตื่นเต้นแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ต่างเก็บภาพความประทับใจไว้เป็นที่ระลึกที่ได้เห็นฝูงวาฬเพชรฆาตเกือบ 30 ตัว เข้ามาว่ายหยอกล้อกับนักท่องเที่ยวนานกว่า 30 นาที ก่อนว่ายออกสู่ท้องทะเลลึก
นายวิชวุทย์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำทราบว่า ได้พบฝูงวาฬเพชฌฆาตดำว่ายเข้ามาบริเวณเกาะเต่าเป็นครั้งล่าสุด จากก่อนหน้านี้พบเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2562 ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแล้วหายไป ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติบริเวณเกาะเต่าที่มีมาก ส่งผลให้พบเห็นสัตว์ทะเลหายากได้บ่อยครั้ง และเกาะเต่าได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยและดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีแหล่งสอนดำน้ำและแต่ละปีผลิตนักดำน้ำจำนวนมาก
ทั้งนี้ จากข้อมูลกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า วาฬเพชฌฆาตดำเป็นสัตว์ทะเลหายากและเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สัตว์สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มีขนาดโตเต็มวัย น้ำหนักประมาณ 2 ตัน เพศผู้ยาว 6 เมตร เพศเมียยาว 5 เมตร ลูกแรกเกิดยาว 1.5 – 2 เมตร มีครีบหลังอยู่กึ่งกลางตัว ไม่มีจะงอยปาก ส่วนหัวไม่โหนกมาก หน้าผากกลมมน ลำตัวสีดำ ส่วนคางและท้องสีเทาจาง ฟันกลม ซี่ใหญ่ 7-12 คู่ เจริญพันธุ์เมื่ออายุ 8-14 ปี ตั้งท้องนาน 12-14 เดือน และทิ้งระยะห่างทุกๆ 3-4 ปี โดยปกติวาฬเพชฌฆาตดำจะอาศัยอยู่น้ำทะเลลึก แต่ระยะหลังเริ่มกลับมาหากินบ่อยขึ้นในประเทศไทย ทั้งทางทะเลอันดามัน บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่กาะสิมิลัน และเกาะเต่า ฝั่งอ่าวไทย โดยภัยคุกคามที่สำคัญคือ เรือประมงและขยะพลาสติก.- สำนักข่าวไทย
ขอบคุณคลิป : Ban’s Diving เกาะเต่า