กรุงเทพฯ 23 พ.ค.-ผลสำรวจดัชนี SMEs ประจำไตรมาส 1/2562
ปรับลดจากไตรมาส 4/2561 ทุกด้าน ทั้งสถานการณ์ธุรกิจ ความสามารถในการทำธุรกิจ ความยั่งยืนของธุรกิจ และความสามารถในการแข่งขัน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย
และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับ
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank แถลงดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ
SMEs และดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
SMEs ประจำไตรมาสที่
1/2562 จาก 1,249
ตัวอย่างทั่วประเทศ ว่า ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ ไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 43.7 ปรับตัวลด 0.3 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2561และคาดไตรมาส
2/2562 จะอยู่ที่ 43.5 ด้านดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจ ไตรมาสที่ 1/2562
อยู่ที่ระดับ 49.9 ปรับตัวลดลง 0.5 จุด
เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และคาดไตรมาส 2/2562 จะอยู่ที่ 49.6และด้านดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจ
ไตรมาสที่ 1/2562 อยู่ที่ระดับ 52.5 ปรับตัวลดลง 0.3 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และคาดไตรมาส 2/2562 จะอยู่ที่ 52.3
ทั้งนี้ เมื่อเทียบระหว่างกลุ่มที่เป็นลูกค้าธนาคารกับกลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า
พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน ลดลง 0.5 จุด จาก 42.1 มาอยู่ที่ 41.6 ด้านลูกค้า ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน ลดลง
0.4 จุด จาก 55.9 มาอยู่ที่ 55.5 ส่วนความต้องการความช่วยเหลือ
สนับสนุนหรือพัฒนากิจการจากภาครัฐนั้น กลุ่มตัวอย่างระบุว่า ด้านภาษี เช่น
การลดอัตราภาษี ปรับปรุงโครงสร้างภาษี
ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการค้า และภาษีที่ซ้ำซ้อน ด้านการตลาด
เช่น ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงออนไลน์
ด้านสินเชื่อ เช่น ลดข้อจำกัดในการอนุมัติสินเชื่อ และการเข้าถึงให้ง่ายขึ้น
ทั้งลดขั้นตอน ลดเอกสาร ลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
และด้านพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
เช่น กระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน
นายพงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่า แม้ผลสำรวจดัชนีต่างๆ ทั้งดัชนีสถานการณ์ธุรกิจฯ ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจ ดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจฯ และดัชนีความสามารถในการแข่งขันฯ ประจำไตรมาสที่ 1/2562 จะปรับลดลง สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าธนาคารยังมีค่าเฉลี่ยดัชนีสูงกว่าเกณฑ์
และสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า บ่งบอกได้ดีว่า แนวทางสนับสนุนของ SME
D Bank ที่มุ่งให้ความรู้คู่เงินทุน ควบคู่สนับสนุนสร้างคุณภาพชีวิต
หรือที่เรียกว่า “3เติม” เป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
เพราะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกิดความเข้มแข็งได้จริง
ดังนั้น SME D Bank จะเดินหน้ามอบ “3เติม”
ให้แก่เอสเอ็มอีไทยอย่างต่อเนื่อง
ได้แก่ 1.เติมทักษะ
ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น อบรมสัมมนา จับคู่ธุรกิจ 2.เติมทุน
ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ
3.เติมคุณภาพชีวิต ช่วยให้เข้าถึงสิทธิ์ประโยชน์และสวัสดิการภาครัฐ
ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความมั่นคงในอาชีพ และลดภาระให้ครอบครัว–สำนักข่าวไทย