ร้อนจัดหมูโตช้า ตรึงราคาหน้าเขียงไม่เกิน150 บาท/กก.

กรุงเทพฯ 26 เม.ย.-ร้อนจัดหมูโตช้า เกษตรร่วมมือดูแลราคาหมูหน้าเขียงไม่เกิน150บาท/กก. ด้านการลงทุนอีอีซีรุดหน้าทุนจดทะเบียนไตรมาสแรงพุ่งร้อยละ53


ก่อนไปข่าวหมูหมู มาเรื่องน้ำมันก่อน วันนี้ก่อนกลับบ้านไปแวะเติมน้ำมัน เพราะพรุ่งนี้ผู้ค้าประกาศราคาปรับขึ้นทั้งกลุ่มกลุ่มเบนซินและดีเซล 30 สตางค์/ลิตร โดยรวมแล้วหลังเปิดสงกรานต์มานับจาก 19 เมษายนจนถึงพรุ่งนี้ รวม 8 วัน ราคาน้ำมันปรับขึ้น 3 ครั้งรวด รวม1.20 บาท/ลิตร ก็เป็นผลพวงจากราคาตลาดโลกที่พุ่งขึ้น เพราะหวั่นกำลังผลิตน้ำมันจะตึงตัวหลังสหรัฐไม่ผ่อนผันให้ 8 ประเทศหลักนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตรทางการค้า ส่วนอีกเรื่องที่ คนรอคอยคือการพิจารณาของศาลปกครองกลางเรื่องค่าโดยสาร ซึ่งวันนี้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอทุเลาบังคับมติกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางวินิจฉัย จึงทำให้การปรับขึ้นค่าโดยสารดำเนินการต่อไปจากที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ 22 เมษายนที่ผ่านมา


อากาศที่ร้อนไม่ใช่เฉพาะคนที่กระทบ สัตว์เลี้ยง การปลูกพืชกระทบไปหมด มะนาวแพงผลราคาต่ำก็ 7 บาท สุกรหรือหมูก็โตช้า คุณสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติบอกว่าอากาศร้อนทำให้หมูโตช้าร้อยละ15 เพราะส่วนใหญ่ฟาร์มของไทยเป็นฟาร์มเปิด แปลว่าผลผลิตที่ออกมาก็น้อยลง เกษตรกรต้องมีต้นทุนการเลี้ยงที่ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตามสมาคมก็เห็นด้วยกับกรมการค้าภายในในการคุมราคาขายภาคกลาง/ภาคตะวันออก/ภาคตะวันตก ที่ราคาหน้าเขียงไม่เกิน150 บาท/กก. และราคาหน้าฟาร์มไม่เกิน75 บาท/กก. โดยในขณะนี้ยอมรับว่าราคาไต่ระดับมาถึง73-74 บาท/กก.

ส่วนในภาคที่ห่างไกลกว่าคือภาคเหนือ ภาคอีสาน เนื่องจากมีค่าขนส่งจึงทำให้ราคาบางช่วงเช่นสงกรานต์ราคาหน้าฟาร์มสูงถึง76 บาท/กก. อย่างไรก็ตามจากปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วง7 เดือนในปีนี้ กระทบการปลูกพืชอาหารสัตว์ อาจส่งผลให้อาหารสัตว์ขยับขึ้นในปีหน้า จึงน่าเป็นห่วงว่าราคาต้นทุนสุกรปีหน้าจะปรับขึ้นมากกว่านี้ ส่วนจะสูงกว่า 75 บาท/กก. หรือไม่นั้นยังระบุไม่ได้ ในขณะเดียวผู้เลี้ยงสุกรได้ร่วมกับภาครัฐระแวดระวังป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาสุกรในฟาร์มซึ่งในไทยยังไม่เกิดขึ้น แต่มีการระบาดในจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกรณีนี้ส่งผลให้ความต้องการเนื้อหมูในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยการระมัดระวังสมาคมผู้เลี้ยงสุกร ได้ประสานกับทางการ สปป ลาว และกัมพูชา ในการเป็นบัฟเฟอร์ หรือหาทางป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดเช้ามาในไทย สมาคมลงขันกัน 10 ล้านบาท สนับสนุนภาครัฐตั้งจุดฆ่าเชื้อถาวรตามแนวชายแดน ในพื้นที่ หนองคาย, อรัญประเทศ, มุกดาหาร, นครพนม และเชียงราย  


นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องควบคุมราคาหน้าฟาร์มไม่ให้เกิน 75 บาท/กิโลกรัม เพราะไม่ต้องการให้พ่อค้าแม่ค้าอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว และอาหารอื่น ๆ ที่มีส่วนประกอบเนื้อหมูปรับขึ้นราคาจนสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้บริโภค เพราะหากอาหารดังกล่าวปรับราคาแล้วส่วนใหญ่ก็จะไม่ปรับราคาลดเหมือนกับราคาน้ำมัน ราคาเนื้อหมู และอื่น ๆ ที่สามารถปรับขึ้นและลงตามความต้องการของตลาด สำหรับไทยมีการเลี้ยงสุกร 19-20 ล้านตัว มีปริมาณเนื้อ 1.45-1.49 ล้านตัน ส่วนใหญ่บริโภคในประเทศ 14-15 ล้านตัว ที่เหลือส่งออกในรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ 

ไปดูอีกเรื่องการลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยตัวเลขทีบ่งบอกถึงการค้าการลงทุนว่าขยายตัวได้ดี โดยในไตรมาส 1 ของปีนี้ จำนวนรายที่ขอจัดตั้งบริษัทใหม่มีถึง 2,033 โต+5.01% และหากดูถึงวงเงินทุนจดทะเบียนแล้วมีถึง 5,880 ล้านบาท โตถึงกว่าร้อยละ53 โดยประเภทที่ขยายตัวสูงสุด 3 อันดับ ก็คือ อสังริมทรัพย์ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป และร้านอาหารต่างๆ 

ในขณะที่การลงทุนขนาดใหญ่ ก็มีการเสนอประมูลและลุ้นอยู่หลาย โครงการ เช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกวงเงินลงทุนราว 2.9 แสนล้านบาท มีผู้ยื่นซอง 3 กลุ่ม หนึ่งในนั้นก็คือ ซีพีเป็นแกนนำที่ควงคู่กลุ่มบีกริม, อิตาเลียนไทยและ ช.การช่าง ซึ่งทางบีกริมมองว่า หากได้เข้าร่วมลงทุนโครงการนี้ก็จะนำความรู้ด้านธุรกิจไฟฟ้ามาบริหารในสนามบินเชื่อมต่อกับโรงการไฮบริดผลิตไฟฟ้ารอบนอกที่ ทางบีกริมเพาเวอร์ชนะประมูลไปก่อนหน้านี้ โดยทางบีกริมยืนยันการเข้าประมูลทุกโครงการโปร่งใส ไม่มีการอาศัยคอนเนคชั่น หรือสายสัมพันธ์พิเศษแต่อย่างใด

และอีกส่วนหนึ่งที่กลุ่มซีพีเข้าประมูลและเสนอเงื่อนไขชนะคู่แข่งคือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ” ดอนเมือง -สุวรรณภูมิ –อู่ตะเภา” วงเงินลงทุน 2.24 แสนล้านบาท ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการคัดเลือกฝ่ายรัฐ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เจรจากับกลุ่มซีพีแล้ววานนี้ ที่ถือว่าบรรลุผล โดยนับจากนี้ก็จะมีการเสนอเป็นขั้นตอนเป้าหมายก็ถือจะลงนามในสัญญาได้ประมาณกลางเดือนมิถุนายนนี้   

อีก 2 โครงการ ขนาดยักษ์ในอีอีซี ที่ กลุ่ม กัลฟ์ และ กลุ่ม ปตท. จับมือร่วมกันเสนอลงทุน ก็คือโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 วงเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งผู้บริหารกัลฟ์ มองว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ โดยพื้นที่มาบตาพุดก็จะมีพื้นที่สำหรับการขยายการลงทุนปิโตรเคมี รองรับการผลิตและการแข่งขันของประเทศไทย ในขณะที่โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 จะช่วยด้านการส่งออกของประเทศ ที่จะลดต้นทุนได้เพราะสามารถรับเรือขนาดแสนตันเข้ามาจอดเทียบท่าในไทย จากที่ปัจจุบันนี้ท่าเรือระยะที่ 1และ2 รองรับเรือขนาดเป็นหมื่นตันเท่านั้น ซึ่งต้องไปถ่ายเรือ Double Handling ที่สิงคโปร์ ทำให้ต้นทุนสูงค่าขนส่งมีราคาสูง 

ส่วนกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม โดยรฟท.จ่ายค่าชดเชยบริษัท โฮปเวลล์ กรณีการบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% /ปี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยต้องจ่ายค่าชดเชยให้เสร็จภายใน 180 วันนับตั้งแต่คดีสิ้นสุดลงนั้นวันนี้บอร์ด การรถไฟได้ประชุมและเตรียมเสนอ ครม. 30 เม.ย.นี้ โดย เบื้องต้นสรุปดอกเบี้ยและเงินต้นทั้งหมด พบว่ามีจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้กับโฮปเวลล์ 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 12,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย 13,000 ล้านบาท  โดยยืนยันจะขอให้รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมช่วยจ่ายหนี้ก้อนนี้ด้วย เนื่องจากปัจจุบัน รฟท.มีหนี้สะสมประมาณ 120,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย