กัลฟ์สยายปีกเล็งลงทุน LNG ในโอมาน

กรุงเทพฯ 24 เม.ย. – กัลฟ์เล็งลงทุน LNG ส่งออกในโอมาน คาดรู้ผลปีนี้ พร้อมลุ้นผลลงทุน 2 โปรเจคต์ยักษ์ในอีอีซี ต่อยอดกำลังผลิตร่วมทุนในมือ 11,910 เมกะวัตต์ 



นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะหาลู่ทางในการขยายกำลังทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น ในเวียดนาม,โอมาน,ลาว โดยในส่วนของโอมาน ได้ศึกษาการร่วมลงทุนทั้งด้านโครงการก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีในส่วนการร่วมทุนโครงสร้างพื้นฐานและการส่งออก ซึ่งจะมีความชัดเจนในปีนี้ หากร่วมก็คงจะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20-25 ในขณะที่คาดว่าความต้องการไฟฟ้าจะสูงขึ้นเพื่อรองรับโครงการพัฒนาปิโตรเคมีในอนาคต จึงเป็นโอกาสที่คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มจากปัจจุบันทางกัลฟ์ได้ร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ กำลังผลิตติดตั้ง 326 เมกะวัตต์นั้น ซึ่งจะ COD ในปี 63-65 


“ในโอมาน ขณะนี้ได้ทำโรงไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์ แต่ภายใน 10-20 ปี มองว่า จะขึ้นเป็นหลักพันเมกะวัตต์ได้ค่อนข้างสูง เพราะที่โน่นมีก๊าซฯ สามารถทำโรงกลั่น และปิโตรเคมีได้ เรามองเป็น Strategic ที่จะขยายได้” นายสารัชถ์ 

ส่วนการลงทุนในเวียดนามในปัจจุบัน บริษัทได้เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แล้วประมาณ 120 MW และจะลงทุนเพิ่มทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม 310 MW และพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้กำลังผลิตในเวียดนามจะมีกำลังผลิตรวม 458.8 MW ในปี2566 


ส่วนโครงการ สปป.ลาว มองไปถึงโครงการลงทุนพลังงานน้ำซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว(พีดีพี)ฉบับใหม่ของประเทศ และการลงทุนในไทยจะพิจารณาทั้งการหาลู่ทางลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทน โดยไม่มีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินแต่อย่างใด

ด้านโครงการที่เสนอแข่งขันลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกทั้งโครงการท่าเทียบเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด ซึ่งมี บมจ.ปตท.ร่วมทุนด้วยนั้นในขณะนี้กำลังรอการพิจารณาจากภาครัฐว่าจะได้ลงทุนหรือไม่โดยโครงการแหลมฉบังจะมีเม็ดเงินลงทุน2-3 หมื่นล้านบาท ส่วนมาบตาพุดจะลงทุนรวมราว 4 หมื่นล้านบาท

“ทั้งโครงการแหลมฉบังและมาบตาพุดจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศทั้งการลงทุนปิโตรเคมี และการส่งออก ที่จะลดต้นทุนเพราะรับเรือขนาดแสนตัน รองรับ ไม่ต้องไปถ่ายเรือ Double Handling ที่สิงคโปร์ เหมือนปัจจุบัน” นายสารัชถ์กล่าว

ทั้งนี้ กัลฟ์วางเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนช่วง 6 ปี (ปี 62-67) เติบโตเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 20 หลังจะเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD)  ครบทุกโรงไฟฟ้าที่มีใน 3 ประเทศ จำนวน 33 โครงการ กำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 6,721 เมกะวัตต์ (MW) จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตที่ COD แล้ว 2,448เมกะวัตต์  โดยปัจจุบัน กัลฟ์บริหารและพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งร่วมกับผู้ถือหุ้น จนถึงปี 2567 รวม 11,910 เมกะวัตต์  และการประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ได้เห็นชอบการออกหุ้นกู้เพื่อการลงทุน2 หมื่นล้านบาท . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง