สปส. 18 เม.ย. – พรุ่งนี้(19เม.ย.) วันสุดท้าย แจ้งสำนักงานประกันสังคม ‘คืนสิทธิ-มีสุข มาตรา 39’
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการดำเนินการคืนสภาพผู้ประกันตน มาตรา 39 ที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนได้กลับเข้าสู่ระบบประกันสังคมเช่นเดิมอีกครั้ง ว่า ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้ติดตามผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพกลับเป็นผู้ประกันตน โดยส่งหนังสือแจ้งไปยังกลุ่มผู้มีสิทธิจำนวน 777,228 คน ซึ่งผลการติดตามมีผู้ประกันตนติดต่อกลับสู่ระบบประกันสังคมแล้ว 379,606 คน แบ่งเป็นขอกลับคืนสิทธิเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 167,234 คน และกลับเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาสมัครมาตรา 40 หรือขอรับสิทธิชราภาพ/หรือทายาทมาขอรับสิทธิกรณีตาย ไปแล้วจำนวน 212,372 คน
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่จะคืนสภาพรีบดำเนินการติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกแห่งที่สะดวกหรือทางไปรษณีย์(แนบแบบ สปส.1-20/1) หรือทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 19 เมษายน 2562
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกันตนต้องชำระเงินสมทบเดือนละ432 บาท ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติให้กลับเป็นผู้ประกันตน โดยจ่ายเงินสมทบครบตามเงื่อนไขได้หลายช่องทาง คือจ่ายด้วยเงินสด ณ สำนักงานประกันสังคมได้ทั่วประเทศ ,ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงไทย ธนชาต ทุกสาขา ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขา (seven – eleven) ผ่านระบบ Pay at Post ที่เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ หรือจ่ายทางธนาณัติ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ พร้อมแนบแบบส่งเงิน(สปส.1-11) ส่งให้สำนักงานประกันสังคมผ่านเคาน์เตอร์เซ็นเพย์ (บริษัทห้างเซ็นทรัล)
นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายเงินสมทบโดยวิธีหักบัญชีธนาคาร 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงไทย ธนชาติ กสิกรไทย ทหารไทย ไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะได้รับสิทธิประโยชน์ 6 กรณีเช่นเดิม คือ กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย กรณีคลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ สำนักงานประกันสังคม
‘ขอย้ำให้ผู้ประกันตนปกป้องสิทธิตนเอง ให้ความสำคัญในการตรวจสอบการนำส่งเงินสมทบด้วยตนเองกับสำนักงานประกันสังคม อย่างสม่ำเสมอ และควรนำส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง หากผู้ประกันตนขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน หรือภายในระยะเวลา 12 เดือนส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 9 เดือน จะสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนทันที’ นายอนันต์ชัย กล่าว .-สำนักข่าวไทย