กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 51/2559 ให้นำรถยนต์ สินค้าและสิ่งของ ออกจากเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี เพื่อใช้หรือจำหน่ายในประเทศ ผ่านการชำระภาษีอากรให้ถูกต้อง หรือส่งออกไปนอกประเทศ ภายใน 90 วันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เพราะได้กำหนดการให้นำรถยนต์ใหม่สำเร็จรูปตามประเภทพิกัดศุลกากร 8702, 8703 ซึ่งจัดเก็บในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี เป็นระยะเวลาเกิน 2 ปี หรือรวมกันแล้วเกิน 2 ปี แล้วแต่กรณี ก่อนคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ โดยเป็นของที่ยังไม่ได้ตรวจปล่อยออกไป
หากนำรถยนต์หรือของที่จัดเก็บอยู่ในเขตพื้นที่ดังกล่าวออกมาจะช่วยลดภาระงบประมาณหลายพันล้านบาทต่อปี และก่อให้เกิดรายได้แก่รัฐอีกทางหนึ่ง อีกทั้งรถยนต์บางประเภทที่จัดเก็บอยู่ยังสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการในการบริการสาธารณะหรือเพื่อป้องกันบรรเทาสาธารณภัยให้แก่ประชาชนได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบจำเป็นในอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรม รวมถึงรถดับเพลิง รถกู้ภัย รถไฟส่องสว่าง และรถบรรทุก ซึ่งนำเข้าเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ทางท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2549 จำนวน 176 คัน และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 139 คัน
ถือเป็นยุทธภัณฑ์ที่ผู้นำของเข้ารับไว้ใช้ในราชการ เพื่อการบรรเทาสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยุทธภัณฑ์ เนื่องจากปัจจุบันมีรถยนต์และสินค้าจัดเก็บในเขตปลอดอากร จัดเก็บไว้เป็นเวลานานหลายปี จึงเป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บรักษา ทั้งรถยนต์และสิ่งของ จนทำให้เสื่อมสภาพ เสื่อมราคาและเสื่อมประโยชน์ไปเรื่อย ๆ อันส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ เพราะยังมีรถยนต์บางประเภทของส่วนราชการนำเข้ามาใช้ประโยชน์ แต่ต้องเก็บรักษาไว้ เพราะจนบัดนี้คดีสิ้นสุดลงแล้ว ยังไม่นำรถยนต์ดังกล่าวออกมาใช้งาน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายเก็บรักษาจำนวนมาก หากไม่นำมาซ่อมบำรุงจะเสียประโยชน์ เสียงบประมาณหลายพันล้านบาท.-สำนักข่าวไทย