ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 25 ส.ค.-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชี้แจงผลกระทบจากฝนตกหนักในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ และมีกระแสไฟฟ้าขัดข้องในช่วงระยะเวลาหนึ่งและเที่ยวบินล่าช้า 9 เที่ยวบิน เตือนผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางช่วงหน้าฝนเป็น 3 ชั่วโมง ป้องกันพลาดเที่ยวบิน
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คืนวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณถนนด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ทำให้รถแท็กซี่ที่ให้บริการภายในท่าอากาศยานไม่สามารถเข้ามารับผู้โดยสารได้ ในช่วงระหว่างเวลา 22.30 –24 .45 น. ซึ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้แก้ไขสถานการณ์โดยประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารขาเข้าไปใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะ บริเวณถนนด้านนอกหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสารชั้น 4 แทน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และแจ้งให้รถแท็กซี่ที่ลงทะเบียนไว้ เปลี่ยนจุดขึ้นไปให้บริการที่ชั้น 4 เป็นการชั่วคราว จำนวน 130 คัน และประสานรถแท็กซี่อีกจำนวนหนึ่งจากภายนอกที่มาส่งผู้โดยสารคอยให้บริการ ณ จุดดังกล่าวด้วย ซึ่ง ท่าอากาศยานได้ระบายน้ำที่ท่วมขัง ณ บริเวณชั้น 1 และสามารถให้บริการรถแท็กซี่ที่ ชั้น 1 ได้ตามปกติภายในคืนเดียวกัน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ารถแท็กซี่ที่ให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปฏิเสธรับผู้โดยสารชาวไทยในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ขณะนี้ท่าอากาศยานอยู่ระหว่างตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด หากเป็นรถแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะเรียกผู้ขับขี่มาสอบสวนและลงโทษต่อไป และเนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจราจร เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน จึงขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาสำหรับการเดินทางมายัง ท่าอากาศยานประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนเที่ยวบินออก และสามารถเลือกเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะ อาทิ รถไฟฟ้า Airport Rail Link รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า MRT ซึ่งจะได้รับความสะดวกมากกว่า
นายศิโรตม์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเกิดกระแสไฟฟ้า ที่สถานีจ่ายไฟฟ้าอ่อนนุช ซึ่งเป็นแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าหลักของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดขัดข้องในคืนวานนี้(24 ส.ค.) ทำให้ต้องสลับมาใช้กระแสไฟฟ้าจากสถานีหนองจอกทดแทน เป็นเหตุให้ภายในอาคารผู้โดยสารเกิดไฟกระพริบเป็นเวลา 0.25 วินาที และระบบไฟฟ้าสำรองได้ทำงานทันที อย่างไรก็ตามมีระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ย่อยในบางพื้นที่ ต้องมีการตั้งค่าใหม่ด้วยระบบ Manual เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ อาทิ ระบบสายพานลำเลียง พื้นที่ร้านค้าบางส่วน เป็นต้น ซึ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้แก้ไขในทันที โดยระบบต่างๆ สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติภายใน 1 ชั่วโมง ส่วนเที่ยวบินเปลี่ยนไปลงจอดที่ท่าอากาศยานสำรอง (Divert) ที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน 8 เที่ยวบิน และท่าอากาศยานภูเก็ต จำนวน 1 เที่ยวบิน -สำนักข่าวไทย