สบส.เตรียมประสาน ตร.ตรวจข้อมูลการโฆษณา ‘เฟซออฟ’

กรม สบส.5เม.ย.-สบส.เตรียมประสานข้อมูลตำรวจ ตรวจสอบมีสถานพยาบาลใดรู้เห็นกับการโฆษณาชักชวนให้คนเข้ารับศัลยกรรมในโครงการ ‘เฟซออฟบายด็อกเตอร์เซปิง’ ชี้ รพ. หรือคลินิกใดมีเอี่ยว ไม่ว่าจะโฆษณาเองหรือปล่อยให้โฆษณาแทน ลงดาบทันทีไม่มีเว้น 


จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ดร.เซปิง ไชยศาส์น ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ ตามหมายจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ในคดีทำศัลยกรรมเสียโฉมหลังมีผู้เสียหายจำนวนรายหลายเข้าแจ้งความ นั้น 

วันนี้ (5 เม.ย.) นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากกองกฎหมาย และสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ประสานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบหลักฐานการโฆษณาชักชวนประชาชนให้เข้ารับบริการเสริมความงามกับโครงการ “เฟซออฟบายด็อกเตอร์เซปิง” ในทุกช่องทางว่าได้มีการนำชื่อสถานพยาบาลใดมาร่วมโฆษณาหรือไม่ หากไม่มีการนำชื่อสถานพยาบาลมาใช้ประกอบการโฆษณาก็จะเป็นบทบาทของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด แต่หากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯตรวจพบว่ามีการนำชื่อสถานพยาบาลมาร่วมโฆษณาด้วย กรม สบส.จะดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 


ขณะเดียวกันขยายผลตรวจสอบไปยัง รพ.หรือคลินิกที่ถูกนำชื่อมาใช้ว่ามีส่วนรู้เห็นกับการโฆษณาของ ดร.เซปิง หรือไม่ ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่า รพ.หรือคลินิกมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้ ดร.เซปิง กระทำการเป็นเอเจนซี่ช่วยโฆษณาแทนโดยไม่ทักท้วงหรือห้ามปราม ก็จะถือว่ามีความผิดด้วยเช่นกัน

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส.กล่าวว่า สำหรับบทลงโทษต่อผู้กระทำผิดในการโฆษณาเกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้อนุญาต หรือคำโฆษณาที่ใช้มีลักษณะอันเป็นเท็จโอ้อวดเกินจริง หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระ สำคัญต่อการบริการของสถานพยาบาล จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 เช่น การใช้คำว่า “เฟซออฟ” (Face Off) มาโฆษณาเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจ ล่อลวงให้ประชาชนเข้ารับบริการจากสถานพยาบาล โดยอ้างว่าสามารถทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงนับสิบปี ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นการศัลยกรรมเสริมความงามด้วยเทคนิคการดึงหน้า (Facelift) ซึ่งเป็นการใช้ข้อความโอ้อวด เกินจริงในการโฆษณา ถือว่าเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 38 วรรคสอง ไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่หรือสถานพยาบาลหากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการศัลยกรรม หรือมีเบาะแสการกระทำผิดในการโฆษณา สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7057หรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) : crmhss.moph@gmail.com กรม สบส.จะดำเนินการตรวจสอบและนำผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่ละเว้นแต่อย่างใด .- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส