สงขลา 25 ส.ค.- ตำรวจกองปราบจับกุมแก๊งอดีตตำรวจ ปลอมเป็นตำรวจกองปราบ บุกอุ้มวัยรุ่นอายุ 19 ปี จากบ้านพัก ไปเรียกค่าไถ่ อ้างครอบครองรถผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (25 ส.ค.) พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ซ้อนแผนจับกุมแก๊งอดีตตำรวจที่ปลอมตัวเป็นตำรวจกองปราบอุ้มเหยื่อไปเรียกค่าไถ่ โดยสามารถจับกุมได้ 3 คน จากทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย นายอภิชัย โต๊ะหนู อายุ 55 ปี ชาว จ.พัทลุง อดีตตำรวจยศ จ.ส.ต. นายอธิภัทร คงเอียด อายุ 40 ปี ชาว จ.สงขลา และ นายมานิตย์ นวลดำ อายุ 38 ปี ชาว จ.พัทลุง ส่วนอีก 2 คน หลบหนีไปได้ หนึ่งในนั้น คือ ร.ต.ต.มนูญ ณ ชาตรี อดีตตำรวจสภ.สามบ่อ พร้อมยึดรถเก๋ง 2 คัน คือ รถเก๋งวีออสสีดำ ทะเบียน กน 1202 สงขลา และรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีบรอนทอง ทะเบียน กค 2204 พัทลุง
หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันนี้อดีตตำรวจดังกล่าวได้ปลอมตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามวางแผนอุ้มวัยรุ่นอายุ 19 ปี คนหนึ่ง จากบ้านพักในพื้นที่ ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง พร้อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX สีขาวดำ หมายเลขทะเบียน คยท 168 สงขลา ที่อ้างว่าเป็นรถผิดกฎหมาย โดยจับใส่กุญแจมือไปกักขังไว้ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.รัตภูมิ และให้ติดต่อแม่นำเงินจำนวน 70,000 บาท มาไถ่ตัว เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี แต่ทางแม่พบพิรุธ และสงสัย เพราะรู้จักกับตำรวจกองปราบที่หาดใหญ่คนหนึ่งด้วย จึงได้โทรศัพท์มาถามปรากฎว่าเป็นตำรวจปลอมจึงได้เข้าแจ้งกับตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 เพื่อซ้อนแผนเข้าจับกุม และให้การช่วยเหลือลูกชาย
วัยรุ่นชาย อายุ 19 ปี กล่าวว่า ขณะนอนหลับอยู่ที่บ้านพักได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คน บุกเข้ามาอุ้มจากที่นอนบอกว่ารถจักรยานยนต์ที่ซื้อมาเป็นรถผิดกฎหมาย โดยนำมากักตัวไว้ และพูดจาข่มขู่ให้โทรศัพท์ติดต่อแม่เพื่อนำเงินจำนวน 70,000 บาท มาไถ่ตัว จึงยอมทำตาม เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้าย ซึ่งตลอดเหตุการณ์ มีนายมานิตย์ นวลดำ อายุ 38 ปี ซึ่งพกบัตรประจำตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่การข่าว กองบังคับการสืบสวนภาค 9 เป็นผู้สั่งการ และจัดการเรื่องทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า แก๊งอดีตตำรวจแก๊งนี้จะเลือกลงมือก่อเหตุกับผู้ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือธุรกิจสีเทา หรือมีทรัพย์สินที่ผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง จากนั้นจะวางแผนเข้าไปจับกุม และนำมาเรียกเงิน แลกกับการไม่ถูกจับกุม โดยครั้งล่าสุดเคยก่อเหตุในลักษณะนี้กับเหยื่อรายหนึ่งได้เงินไปหลายแสนบาท.-สำนักข่าวไทย