ย้ำจุดยืนพรรคไหนรวมเสียงข้างมากได้ก่อนมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล

พรรคพลังประชารัฐ 21 มี.ค.-หัวหน้า พปชร. เผยจัดปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายในพื้นที่ กทม.พรุ่งนี้ (22 มี.ค.) ย้ำจุดยืนพรรคไหนรวมเสียงข้างมากได้ก่อนมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเป็นเสียงอันดับ 1 เท่านั้น เผยหลังปิดหีบ 24 ชั่วโมง คาดรู้ผลจับมือพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล


นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงว่า ในวันพรุงนี้ (22 มี.ค.) พรรคจะจัดการปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่สนามกีฬาเทพหัสดิน โดยงานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ภายใต้แนวคิด “เปิดใจประชารัฐรวมใจประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว” โดยการปราศรัยจะมีไปตลอดจนถึงช่วงค่ำ ซึ่งจะเป็นการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้จะมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือไม่ ขอให้อดใจรอรายละเอียด

ส่วนจะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มาร่วมหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้มีการกำหนดตายตัว ทั้งนี้ทุกกิจกรรมได้มีแจ้งให้ทราบในฐานะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำคลิปให้ และเราได้นำไปใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งในเย็นวันนี้ (21 มี.ค.) ที่จังหวัดชลบุรี ก็มีเช่นกัน


นายอุตตม กล่าวอีกว่า การปราศรัยในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) พรรคจะใช้เวทีให้เต็มที่ที่สุด เพื่อสื่อสารกับประชาชน เป็นการเปิดใจว่าทำไมพรรคพลังประชารัฐถึงมาอยู่ ณ จุดนี้ พรรคพลังประชารัฐนำเสนอสิ่งใดกับประชาชน และจะเดินหน้าอย่างไร ทั้งนี้เชื่อว่าคำถามเหล่านี้อยู่ในใจของประชาชน ดังนั้นในวันที่ 22 มีนาคมนี้ จะเปิดใจกัน ส่วนเรื่องเอกสารที่มีการหลุดออกมาและใส่ร้ายพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการชี้แจงแล้วว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กองทัพก็ได้ชี้แจงแล้วจึงไม่เกิดความเป็นห่วง อะไร เพราะพรรคเดินตามกฎกติกา

ส่วนกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีคุณสมบัติที่ถูกต้องที่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตของพรรคพลังประชารัฐได้นั้น นายอุตตม กล่าวว่า พรรคเชื่อมั่นมาตั้งแต่ต้นว่าไม่ได้ดำเนินการผิดกฎหมาย แต่การที่ กกต.มีมติในเรื่องนี้ สังคมรับรู้แล้ว ก็เป็นสิ่งที่ดี ยอมรับว่าพรรคสบายใจขึ้น ทั้งนี้ได้ประเมินภาพรวมของพรรคในเวลานี้ ถือว่ากระแสดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้สมัครของเรามีกำลังใจดีขึ้นมาก และยืนยันจะทำอย่างเต็มที่ในช่วงโค้งสุดท้าย

ส่วนกรณีมีการประเมินว่าพรรคอยู่ในลำดับที่ 2 , ที่ 3 ของผลการเลือกตั้ง นายอุตตม กล่าวว่า ขอให้รอดู ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการวิเคราะห์จากกลุ่มหลายองค์กร ตลอดจนโพลต่าง ๆ เราก็รับฟังทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่พรรคและผู้สนับสนุนพรรค


“มั่นใจในนโยบายของเราว่าสามารถตอบโจทย์ให้กับพี่น้องคนไทย เวลาที่เหลือโค้งสุดท้าย 3 วันว่าผลจะออกมาอย่างไรเร็วเกินไป ที่จะพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่น เพราะเชื่อว่าหลังปิดหีบในวันที่ 24 มีนาคม ผลออกมาชัดเจนแล้ว การเจรจาอย่างจริงจังมันก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาอะไร เวลานี้ควรเป็นเวลาที่พรรคเร่งเสนอนโยบายให้ประชาชนตัดสินใจ ไม่ควรสร้างเงื่อนไขในการจัดตั้งรวมรัฐบาลกับใคร เพราะต้องขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งด้วย” นายอุตตม กล่าว

เมื่อถามว่า จุดยืนของพรรคจะให้พรรคที่มีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือพรรคใดที่ไปรวบรวมเสียงได้มากที่สุดเกินครึ่ง ซึ่งอาจจะมากกว่า 1 พรรคก็ได้ ก็สมควรที่จะมีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล

“การเลือกตั้ง คือ การฟังเสียงประชาชนทั้งหมดที่ออกมาใช้สิทธิ์ พรรคต่าง ๆ ก็ได้ฟังเสียงประชาชนที่แตกต่างกัน ถ้าเรายึดหลักการนั้นแล้ว เสียงส่วนใหญ่คือเสียงที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพรรคหรือกลุ่มไหน ถ้าได้เสียงส่วนใหญ่ ถือเป็นการสะท้อนถึงความปราถนาของประชาชนที่จะให้พรรคการเมืองเหล่านั้นได้มีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งถือเป็นกลไก กติกา พรรคจะเดินตามกระบวนการนั้น” นายอุตตม กล่าว

เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นการล็อบบี้ก่อนเลือกตั้ง นายอุตตม กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดถึงเงื่อนไข แต่เรื่องนี้ย้ำมาโดยตลอด แม้แต่พรรคอื่นคนอื่นก็พูดในทำนองเดียวกันว่าเสียงส่วนใหญ่มีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะใครที่มีเสียงข้างมากย่อมมีโอกาส ซึ่งหากพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เสียงอันดับ 1 ในการรวบรวมเสียงข้างมากจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้อันดับที่ 2 หรือ 3 เพื่อรวบรวมในการจัดตั้งรัฐบาล ขอให้รอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ขอให้รอการเจรจา หากพูดไป จะเข้าข่ายสร้างเงื่อนไข

“เหตุผลที่พรรคการเมืองจะเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หลักการใหญ่คือขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง พร้อมเคารพกฏกติกา ส่วนพรรคจะพิจารณาว่าพรรคการเมืองใดที่ทำงานร่วมกันได้ ก็ร่วมอุดมการณ์กันหรือนโยบายสอดคล้องกัน และเมื่อเข้ามาร่วมรัฐบาลแล้ว ก็จะสามารถทำงานได้จริง จะเอาสิ่งนี้เป็นตัวตั้ง และปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่อยากให้มองว่าจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ อยากให้มองเป็นปัจจัยทางบวก พรรคเน้นสิ่งที่เราเสนอให้ประชาชนมากกว่าวาทกรรม ส่วนผลออกมาอย่างไร ต้องเคารพกติกา อย่าสร้างเงื่อนไขให้ดำเนินการเพื่อให้ได้รัฐบาลใหม่แล้วเกิดปัญหา หรือถึงขั้นส่งผลโมฆะ” นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวอีกว่า หลังปิดหีบเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ คาดว่าภายใน 24 ชั่วโมงจากนั้นจะเห็นภาพเบื้องต้นว่าพรรคไหนจะมีสิทธิ์ในการพูดคุยจับมือทางการเมือง และมีความเป็นไปได้ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอาจจะมาประกาศตัวที่พรรคส่วนกระแสที่หลายคนกังวลว่าพรรคจะมีงูเห่านั้น ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่มีงูเห่า และพรรคเราก็ไม่กลัวงู.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]