กทม. 20 มี.ค. 62 – กรมอุทยานแห่งชาติฯ เตรียมพิจารณาคำพิพากษาคดีล่าเสือดำ พร้อมอุทธรณ์ หากผู้กระทำผิดได้รับโทษน้อยเกินไป
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดเสวนา 1 ปี คดีเสือดำ กับคำพิพากษาที่รอคอย ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า จากคำตัดสินคดีเปรมชัยจากศาลชั้นต้น แม้จะมีความผิดในข้อสำคัญที่ออกมาว่า นายเปรมชัย มีความผิดหลักๆ ในการสนับสนุนการล่า มีโทษจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่ในส่วนนี้ก็ยังมีข้อสงสัยทำไมข้อหาครอบครองซากเสือดำจึงหลุดไป ทั้งๆ ที่ตามจากข่าวมีการต้มหางเสือกินกัน และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ระบุว่า เป็นหางเดียวกับหนัง และเลือด ที่มีดทำครัว เขียง และคราบเลือดที่ใบหญ้าบริเวณนั้น ซึ่งในส่วนของโทษการครอบครองไประบุว่าครอบครองไก่ฟ้าหลังเทาเพียงอย่างเดียว โทษค่อนข้างเบา เมื่อเทียบกับธานี 1 ใน 4 จำเลยที่โดนข้อหาล่าจำคุก 2 ปี โดยนายเปรมชัย อยู่ในข่ายผู้สนับสนุน กลับรับโทษไม่ถึงครึ่งหนึ่งของธานีในข้อหาเดียวกัน
ทั้งนี้ อาจมีความเป็นไปได้หลังจากนี้จะมีความพยายามต่อสู้ในการขอลดความผิดในชั้นศาลอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามเมื่อนายเปรมชัย กล่าวขอโทษหลังมีคำพิพากษา แสดงถึงว่าได้ยอมรับความผิด ซึ่งหากมีความจริงใจควรยอมรับโทษโดยไม่อุทธรณ์ เพื่อเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ผู้มีชื่อเสียงพร้อมจะยอมรับผิดตามกฎหมาย
(ขอบคุณภาพจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียร)
ด้านตัวแทนกลุ่มทีชาล่า พิทักษ์เสือดำ กล่าวว่า ยังสงสัยในคำพิพากษาว่า ทำไมนายเปรมชัย ถึงหลุดจากข้อกล่าวหาครอบครองซากเสือดำ ซึ่งกระบวนการยุติธรรมจะต้องตอบคลายข้อสงสัยให้มีความชัดเจน ยืนยันเดินหน้าสนับสนุนเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ในทุกด้านเพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อสัตว์ป่า
ขณะที่นายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก กล่าวว่า มีบางข้อกล่าวหาที่อาจไม่ตรงใจกับโทษที่ควรจะได้รับ ด้วยพยานหลักฐานทั้งหมด ส่วนค่าเสียหายนั้นเดิมไม่เคยมีการประเมินมูลค่ามาก่อน จึงอาศัยเทียบเคียงในการซื้อขายเสือดำจากองค์การสวนสัตว์ ร่วมกับพิจารณาจากค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยได้เรียกร้องไปทั้งสิ้น 12 ล้านบาท ซึ่งจากคำพิจารณาของศาลตัดสินชดใช้ 2 ล้านบาท โดยส่วนตัวยอมรับได้ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปหากเกิดคดีล่าสัตว์ป่า ทั้งนี้ยืนยันในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว โดยในเบื้องต้นอาจมีการพิจารณาอุธรณ์เพิ่มเติมในส่วนข้อหาที่ศาลยกฟ้อง
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ทั้งนี้ยังต้องพิจารณาคำพิพากษาฉบับเต็มอีกครั้ง ว่าศาลมีการรับฟังพยานอย่างไรบ้าง ซึ่งในกระบวนการอุธรณ์สามารถทำได้ทั้งโจทย์และจำเลย ในระยะเวลา 30 วัน หรือขยายเพิ่มเติมตามเหตุสมควร ซึ่งสำนักอัยการสูงสุดจะหารือกับกรมอุทยานแห่งชาติในการพิจารณาขั้นตอนอุธรณ์ต่อไป ส่วนการที่ นายเปรมชัย ได้กล่าวขอโทษสังคมไม่สามารถนำมาใช้ในกระบวนการทางกฎหมายว่าเป็นการรับสารภาพได้ แต่เป็นความรู้สึกผิดทางสังคม ซึ่งอัยการจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไปไม่เลือกปฏิบัติแน่นอนไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวยต้องได้รับโทษที่เสมอกันตามความผิดที่กระทำ
ขณะที่พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นบทเรียนที่ดีให้สังคมไทยในการใช้กฎหมายของประเทศไทยเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และใช้เป็นบรรทัดฐานในการเอาผิดผู้ที่กระทำความผิดให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้องไม่มีเลือกปฏิบัติ ในส่วนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ยืนยันจะไม่ให้ถูกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ทั้งนี้หากนายเปรมชัย มีการยื่นอุทธรณ์ต่อ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมเตรียมเอกสารข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ไว้ต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมายต่อไป .-สำนักข่าวไทย