สธ.18 มี.ค.-สธ.ประชุมระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนส์ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในภาคเหนือและอีสาน หลังพบ 4 กลุ่มโรคในผู้ป่วยขยับเพิ่มขึ้น 2.2 หมื่นคนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เน้นวิกฤตสีเหลืองในจับตากลุ่มเสี่ยง วิกฤตสีส้ม-แดง ดูแลทุกกลุ่มวัย กำชับประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงผลกระทบเพื่อลดการเผาและให้รู้ว่าทางการมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดทรวงสาธารณสุข ประชุมระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนส์ปัญหาฝุ่นละออขนาดเล็กPM2.5ในภาคเหนือและอีสานเข้าข่ายวิกฤตหลายพื้นที่ กำชับให้ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมในพื้นที่ โดยวิกฤตสีเหลือง สีส้ม สีแดง ต้องเริ่มเฝ้าระวังประชาชน ห่วงเด็ก คนชราและผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจได้รับผลกระทบ เนื่องจากข้อมูลอัตราการป่วย พบใน 4 โรคหลัก ทั้งระบบทางเดินหายใจ ,หัวใจและหลอดเลือด ,ดวงตา และผิวหนัง มีการขยับเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถบ่งชี้ว่ามาจากฝุ่นได้อย่างชัดเจนแต่ผู้ป่วยเหล่านี้ มัฏมีอาการไวต่อฝุ่นฉะนั้นต้องจัดการบ้านเรือนให้สะอาดด้วย
นพ.สุขุม กล่าวว่า ในอนาคตเตรียมกระจายคลินิกมลพิษ กระจายไปในทุกจังหวัดที่มีปัญหาค่าฝุ่นเพื่อให้คำปรึกษา ขณะเดียวกันให้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเรื่อง พ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535 เพื่อบังคับใช้ไม่ให้มีการก่อมลพิษหรือในต่างจังหวัด ใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อการป้องกันเผาทำลายป่าและให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีฝุ่นละอองขนาดเล็กด้วย
ทางด้าน นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กของแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน โดย กทม. มาจากมลพิษ ส่วนภาคเหนือมาจากการเผา จากการติดตามเฝ้าระวังสุขภาพผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการที่โรงพยาบาล ในเขตสุขภาพที่1 ภาคเหนือ 8 จังหวัด ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง ระหว่างวันที่ 3-9 มี.ค.ที่ผ่านมา พบ 4 กลุ่มโรค ทั้ง โรคระบบทางเดินหายใจ ,หัวใจและหลอดเลือด ,ดวงตา และผิวหนัง มี ผู้ป่วย 22,000 คน.-สำนักข่าวไทย