พรรคการเมืองเสนอนโยบายให้สื่อดูแล-ตรวจสอบกันเอง

สมาคมนักข่าวฯ 14 มี.ค.-นักการเมืองหลายพรรคเสนอนโยบายให้สื่อดูแลกำกับและตรวจสอบกันเอง เชื่อหลังเลือกตั้ง สถานการณ์สื่อดีขึ้น


สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเวทีเสวนา “รับฟังนโยบายพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน” โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า สถานการณ์สื่อตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์แบ่งสีเสื้อ ซึ่งทำให้เห็นสื่อที่แสดงตัวตนชัดเจน บางส่วนก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารในเชิงที่ลึกขึ้น แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เกิดการตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่มีการตรวจสอบกันมากขึ้น อีกทั้งการตรวจสอบยังใช้เวลาอันรวดเร็ว ในขณะที่โลกของสื่อมวลชนเปิดกว้างมากขึ้น แต่บางส่วนยังถูกปิดไปด้วยคำสั่งของคณะรัฐประหาร

ขณะที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย จากพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่า สื่อมวลชนต้องทำหน้าที่เพื่อสังคม ปัญหาของสื่อมวลชนในขณะนี้ เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงและการรับรู้ของคนในสังคมที่ไม่รับรู้ข่าวสารจากสื่อเดิม ๆ อีกต่อไป ทำให้เกิดคนที่จะเป็นสื่อได้ง่ายขึ้น ประชาชนทั่วไปกลายเป็นนักข่าวและเป็นผู้ส่งสารได้ง่ายกว่าเดิม แต่โจทย์ใหญ่ คือ เรารู้ทันข่าวสารหรือไม่ เพราะสื่อในปัจจุบัน มีทั้งการเผยแพร่ภาพโป๊ คำหยาบคาย การบิดเบือนข้อเท็จจริงเกิดขึ้นในสังคม แต่เชื่อว่าหลังจากมีรัฐบาลแล้วคงสามารถพูดถึงสิทธิและเสรีภาพของสื่อได้ชัดเจนมากขึ้น ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่แทรกแซงสื่อมวลชนและไม่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ก็จะไม่ใช่คนกำกับสื่อ แต่จะเป็นผู้ให้การสนับสนุน เพื่อให้ทุกวิชาชีพเติบโตได้ด้วยตนเองและสามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้


ด้านนายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เมื่อมองภาพการเมืองหลังการเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกันว่ารัฐบาลใหม่อยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นสิ่งใดที่สื่อมองว่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็ต้องกระตุ้นให้นักการเมืองตื่นตัวและผลักดันให้เป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนการกำกับดูแลกันเองนั้น สื่อมวลชนก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะสามารถกำกับดูแลกันเองได้หรือไม่ ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนามีนโยบายเป็นภาพกว้างให้องค์กรที่อยากดูแลกันเองได้ให้สามารถดูแลกำกับกันเอง ยอมรับว่าพรรคชาติไทยพัฒนาคงไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หากร่วมรัฐบาลและพรรคการเมืองใดจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นอิสระ ก็พร้อมที่จะสนับสนุน

น.ส.พรรณิการ์ วานิช พรรคอนาคตใหม่ มองว่าขณะนี้สื่อมวลชนต้องเผชิญกับความท้าทาย 4 ประเด็น ได้แก่ 1.พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป 2.เศรษฐกิจ 3.การเมือง 4.คำว่าจรรยาบรรณและจริยธรรม โดยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิตอล โซเชียลมีเดียกำลังเริ่มเบ่งบาน การมีเฟซบุ๊คไลฟ์เปลี่ยนโฉมหน้าของสื่อ ทำให้ทุกคนเป็นสื่อและสามารถรายงานสดได้ทันที อีกทั้งยังให้คนสามารถคอมเม้นต์สื่อสารได้สองทาง นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประชาธิปไตย การบริโภคของคนไทยมีทางเลือกมากขึ้น 

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนความท้าทายด้านเศรษฐกิจนั้น จะเห็นได้ว่าการประมูลทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นใกล้กับช่วงที่มีการรัฐประหาร จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจมหาศาล แทบไม่มีทีวีช่องใดที่มีกำไร เห็นการเลย์ออฟและการเออร์รี่ ในขณะที่สภาพการเมืองก็ไม่ปกติ เกิดการแข่งขันเรียกเรทติ้ง ขณะเดียวกันทำให้ผู้สื่อข่าวท้อแท้ เพราะไม่สามารถทำข่าวที่มีคุณภาพได้ในเวลาที่จำกัด 


น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า สำหรับความท้าทายทางด้านการเมือง พบว่าสถิติตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน มีการลงดาบสื่อไปแล้ว 59 ครั้ง โดยอาศัยหลักเกณฑ์คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือปิดปากสื่อและไม่มีเส้นแบ่งชัดเจนว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ สื่อไม่ทราบว่าสิ่งใดจะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดการเซ็นเซอร์ตัวเอง สื่อยอมละทิ้งหน้าที่ของตัวเองเพื่อป้องกันปัญหาการถูกปิดช่องแล้วทำให้สูญเสียเงินมหาศาล นี่จึงเป็นความเจ็บปวดที่สุดที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ และยังไม่มีทางออกจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนความท้าทายของคำว่าจรรยาบรรณและจริยธรรมอยู่ตรงไหน และทั้งสองคำ คือ คำ ๆเดียวกันหรือไม่นั้น ส่วนตัวเห็นว่าควรใช้คำว่าจรรยาบรรณของสื่อ คือสะท้อนว่าผู้ที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนจะต้องมีหน้าที่ทำอะไร ทำอย่างไร ภายใต้ขอบเขตใด ส่วนการตรวจสอบกันเองนั้น มองว่าสื่อไม่จำเป็นต้องตรวจสอบกันเอง แต่ให้ประชาชนเป็นผู้ตรวจสอบจะดีกว่า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะเหนือ-อีสานตอนบน

กทม. 12 ก.ค.-กรมอุตุ ประกาศฉบับที่ 4 เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และอีสานตอนบน ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 4 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ในวันที่ 12 กรกฎาคม […]

น้ำท่วมหลายพื้นที่ อ.เวียงสา ลดลงแล้ว

น่าน 11 ก.ค. – น้ำท่วมหลายพื้นที่ อ.เวียงสา ลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำเหนือมาเติม ด้านผู้ว่าฯ น่าน ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด สั่งเร่งช่วยเหลือทันที น้ำท่วมบ้านเรือนหลายร้อยหลังใน อ.เวียงสา จ.น่าน ลดระดับลงแล้ว หลังฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วม เป็นบริเวณกว้าง นายชัยณรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยมีนายอำเภอเวียงสา นายกเทศมนตรีตำบลกลางเวียง หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ด้วย สรุปข้อมูลอุทกภัยในพื้นที่ อ.เวียงสา เกิดฝนตกหนัก ทำให้แม่น้ำสาขาต่างๆ ทะลักและไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และสิ่งสาธารณประโยชน์ของราษฎรในพื้นที่ อ.เวียงสา มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจาก อุทกภัย (น้ำป่าไหลหลาก) จำนวน 10 ตำบล 53 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนประมาณ 1,524 คน 750 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากน้ำหลากไหลบ่าเข้าท่วม 160 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 1,350 ไร่ นา 120 […]

ผกก.สภ.เมืองพัทยา ยันคนร้ายอุ้มปล้นชาวจีนไม่ใช่ตำรวจ

พัทยา 11 ก.ค. – ผกก.สภ.เมืองพัทยา ยืนยัน 4 คนร้ายอุ้มชาวจีนขึ้นรถ ก่อนปล้นทรัพย์-บังคับโอนเงิน ไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ เชื่อหนึ่งในผู้ก่อเหตุอาจรู้จักกับผู้เสียหาย ขอเวลาตำรวจทำงานก่อน เชื่อว่าจะรู้ตัวคนร้ายทั้งหมดในเร็ววันนี้ กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายสวมชุดดำ 2 คน พยายามฉุดกระชากคนจีนขึ้นรถ เหตุเกิดหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว-อาหารจีน ริมถนนพัทยาเหนือสาย 3 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เช้ามืดวานนี้ (10 ก.ค.) พยานให้ข้อมูลว่า ประมาณตี 5 คนจีน 3 คน มานั่งกินก๋วยเตี๋ยว กินเสร็จกำลังจะแยกย้ายกันกลับ คนแรกขึ้นขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ออกไป ส่วนคนที่ 2 เดินกลับเข้าไปในซอยซึ่งอยู่ข้างๆ ร้าน ส่วนคนสุดท้ายคือผู้เสียหาย กำลังยืนรอรถที่เรียกผ่านแอปฯ มารับ ไม่ถึง 1 นาที มีรถเอสยูวี สีขาว มาจอดประกบข้าง จากนั้นมีผู้ชายแต่งชุดดำ (เสื้อแขนยาวสีดำมีฮู้ด) ลงจากรถ […]

มทภ.2 ตรวจเยี่ยม 3 ปราสาท คนแห่เที่ยวหยุดยาวคึกคัก

11 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยม 3 ปราสาท จ.สุรินทร์ ประชาชนแห่เที่ยวหยุดยาวคึกคัก รถติดยาวกว่า 1 กม. เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ฐานปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าที่ทหารผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากหลายจังหวัด มามอบสิ่งของให้กำลังใจทหาร และถือโอกาสเข้าเที่ยวชมตัวปราสาทที่อยู่ใกล้กันอย่างคึกคัก ทำให้บรรยากาศคึกคักตลอดทั้งวัน จนทำให้การจราจรติดขัดเป็นแถวยาวกว่า 1 กิโลเมตร ทางเจ้าที่ทหารจึงได้จัดกำลังดูแลอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนได้ขึ้นมาเที่ยวชมกันทุกคน ด้านพล.ท.บุญสิน เปิดเผยว่า สำหรับวันนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะทำให้กำลังพลได้รับทราบว่าพวกท่านไม่ได้หยุด ตัวแม่ทัพก็ไม่หยุดทำงานเช่นเดียวกัน โดย 2 วันที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่บริเวณชายแดนส่วนหน้า เข้าไปยังฐานปฏิบัติการที่อยู่แนวหน้า พร้อมนำสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มอบให้กับกำลังพลในพื้นที่ทุกนายเพื่อเป็นขวัญกำลังใจทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทย แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคนที่เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารทุกพื้นที่ […]