นายกฯ สัญญาหากอนาคตได้เข้ามาทำหน้าที่ จะทำให้ดีที่สุด

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 11 มี.ค.-นายกฯ ระบุหากอนาคตได้เข้ามาทำหน้าที่ สัญญาจะทำให้ดีที่สุด เปรียบเสมือนอยู่ในสนามรบ ต้องทำให้สำเร็จ  ยืนยันไม่ได้เปลี่ยนตัวตน แต่อยากแต่งตัวหล่อและดูสบาย ๆ เมินนักการเมืองไม่หนุนนั่งนายกฯ ต่อ มองเป็นเรื่องธรรมดา


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาร่วมรับฟังการบรรยายของ Salim Ismail นักธุรกิจและนักเขียนด้านเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียง ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ทำมา 4-5 ปี กำลังจะผลิดอกออกผล สิ่งที่ลงทุนจะเกิดอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการที่จะอยู่ในหน้าที่ ต้องใช้อำนาจที่เด็ดขาด และต้องใช้อย่างระมัดระวัง ต้องทำงานแบบพลังประชารัฐ ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคใดทั้งสิ้น เพราะพลังประชารัฐเกิดมาก่อน สิ่งสำคัญในวันนี้ คือ ความร่วมมือของทุกคน และที่กังวล คือ เศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งคนที่เป็นผู้นำ ต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้ทุกคนพยายามเดินไปข้างหน้า เพราะถ้าไม่เริ่มก้าวแรก ก้าวต่อไปก็ไปไม่ได้ อาจหกล้ม ซึ่งวันนี้เดินมาหลายอย่างแล้ว และคิดว่าไม่ควรจะกลับไปที่เดิม ทั้งนี้ ตนไม่ได้ว่าทุกอย่างดีหมด แต่สัญญาว่าถ้ามีโอกาสได้ทำต่อไป เช่น ใน 3-4 เดือนข้างหน้า ตนจะทำให้มากและให้ดีที่สุด นั่นคือสัญญาของตน ซึ่งตนก็อยู่ในหน้าที่มา 5 ปีแล้ว และสิ่งที่พูดวันนี้ ไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด

“วันนี้ทุกอย่างจำไว้ต้องเดินก้าวแรกเสมอ ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ถือเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ทำอนาคตให้พวกท่าน เพื่อให้ทุกคนได้มีอนาคต ผมอาจจะเป็นคนเสียงดังโวยวาย แต่ผมทำและรับผิดชอบ และต้องทำให้สำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จ กลับบ้านไม่ได้ คำว่ากลับบ้านไม่ได้ หมายถึงถ้าอยู่สนามรบ อยู่ชายแดน ถ้ามีรบ ถ้าแพ้กลับบ้านไม่ได้ ตายอย่างเดียว วันนี้เราไม่ได้สู้กับใคร เราต้องหยุดความขัดแย้งให้ได้ อย่าไปใช้อารมณ์ หลายคนบอกว่าช่วงนี้นายกฯ เปลี่ยนไป ผมไม่เคยเปลี่ยน ผมทะเลาะกับนักข่าวเท่านั้น เพราะคำถามของเขา ผมไม่เคยทะเลาะกับใคร อย่ารังเกียจผมนักเลย บางครั้งคนเรา ถ้าเป็นตัวตนอย่าไปบิดเบือนมาก บางครั้งผมก็เป็นศิลปินบ้าง โมโหบ้าง แต่วันนี้พอลุคใหม่ ก็มองว่าไม่ใช่ตัวตน ซึ่งบางครั้งผมก็อยากจะหล่อเหมือนกัน ไม่ใช่หรือ หลายคนก็แต่งเนื้อแต่งตัวให้สบาย ๆ ผมก็อยากเป็นบ้าง ให้อภัยผมเถอะ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


จากนั้น นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า การที่เดินทางมาร่วมงานวันนี้ เนื่องจากตนติดตามผลงานของ Salim Ismail  เพราะการทำงานทั้งหมดในทุกวันนี้ บางอย่างก็เอาความรู้มาจากตำราและผู้มีความรู้ต่าง ๆ ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกัน ทำให้รู้ว่า Salim Ismail  มีความชื่นชมในประเทศไทย เพราะเห็นถึงศักยภาพของไทย เพียงแต่ต้องจัดระบบให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนภาคการเกษตร เช่น การลดต้นทุนและเกษตรแปลงใหญ่ และย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ซึ่งสะท้อนผ่านนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล และย้ำว่าการแก้ปัญหาทุกอย่างต้องมีก้าวแรก และที่ผ่านมารัฐบาลก็มีผลงานมาก และวันนี้รัฐบาลเร่งรัดให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงโอกาส เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จากนี้ไป ตนไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่คิดว่าจะมีคนที่นำพาประเทศชาติไปข้างหน้า ด้วยความรับผิดชอบ ด้วยจิตสำนึกในหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำในสิ่งที่มีวัตถุประสงค์อย่างอื่น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่คิดแบบนั้น จึงฝากให้ทุกคนช่วยคิด และให้คนรุ่นเก่า คนรุ่นกลาง และคนรุ่นใหม่ ร่วมเดินหน้าไปด้วยกัน ทั้งนี้คนรุ่นเก่า เช่น ตน ต้องช่วยกันสร้างอนาคตและชีวิตที่ดีกว่าให้คนรุ่นหลัง และประชาชนที่ลำบาก จึงขอให้นักการเมืองคิดนโยบายในลักษณะนี้ออกมาบ้าง ไม่ใช่พูดเฉพาะเรื่องการที่จะให้แต่เพียงอย่างเดียว แต่ทั้งนี้ตนไม่ขอวิจารณ์ความคิดคนอื่น

“จากที่ผมให้สัญญาบนเวทีว่าหากอนาคต 3-4 เดือนข้างหน้าได้กลับมาทำหน้าที่อีก ก็จะพยายามทำให้ประสบความสำเร็จ ส่วนทีมงานที่จะมาช่วยกันนั้น ก็จะต้องคัดสรร และไม่สามารถใช้ทีมเดิมได้ทั้งหมด ซึ่งจะมาจากฝ่ายการเมืองด้วย แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มตามหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ และต้องทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบได้มากที่สุด เพราะทุกอย่างมีกรอบกฎหมายดูแลอยู่ ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่ากันไปในเรื่องการเมือง ซึ่งหากผมได้ทำหน้าที่ ก็จะต้องดูแลทุกอย่างให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่การเลือกตั้งในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากประชาชน ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องแก้ไขต่อไป ขณะเดียวกันต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่เคยมีกรณีที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมากขนาดนี้ และขออย่าโทษกันไปมา เพราะที่สำคัญขอให้ทุกอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

ส่วนคำพูดที่ว่า หากเปรียบอยู่ในสนามรบ และภารกิจไม่สำเร็จ จะกลับบ้านไม่ได้นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ทุกอย่างต้องทำให้สำเร็จ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาด้วยว่าจะสั่งการอย่างไร เพราะหากดูแล้วไม่คุ้มค่า ก็อาจจะสั่งให้กลับได้ เพราะตนเชื่อมั่นในสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน ลูกน้องต้องปลอดภัยมากที่สุด

ส่วนที่นักการเมืองให้เลือกจุดยืนสองฝ่าย คือ ฝ่ายเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดา และปล่อยให้เป็นเรื่องของการเมือง และที่นักการเมืองหาเสียงในยุทธศาสตร์ที่มีลักษณะ ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นั้น นายรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่สนใจเรื่องนี้”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]