กรุงเทพฯ 30 ส.ค. – สภาส่งออกชี้การส่งออกของประเทศไทยปี 2559 มีโอกาสติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 หลังผลกระทบเศรษฐกิจโลกและอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่ารวดเร็ว วอนแบงก์ชาติดูแลที่ 34.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และนายวัลลภ วิตนากร รองประธานฯ ร่วมกันแถลงข่าว โดยระบุว่าจากตัวเลขการส่งออกเดือนกรกฏาคมที่ส่งออกติดลบร้อยละ 4.43 มูลค่าเพียง 17,415 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะปกติการส่งออกไตรมาส 3 จะเป็นบวกมาโดยตลอด และหากหักเรื่องการส่งออกทองคำที่ 841 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว การส่งออกจะติดลบถึงร้อยละ 8.3 และทั้ง 7 เดือนแรกแม้ตัวเลขกระทรวงพาณิชย์ที่ติดลบแล้วร้อยละ 2 มีมูลค่า 122,553 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหักเรื่องการส่งออกทองคำและอาวุธซ้อมรบกับญี่ปุ่นแล้วการส่งออกจะติดลบถึงร้อยละ 5.5
ทั้งนี้ การส่งออกที่ติดลบปีนี้เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ปราบเซียน และสภาฯ ประเมินว่าปีนี้การส่งออกจะติดลบเป็นปีที่ 4 โดยทั้งปีจะติดลบร้อยละ 2 ซึ่งหากเป็นการติดลบระดับนี้ การส่งออกในช่วง 5 เดือนที่เหลือจะต้องส่งออกเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากส่งออกต่ำกว่านี้ก็มีโอกาสจะติดลบมากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ นอกจากนี้ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลเรื่องการระบาดของไวรัสซิก้าให้เข้มงวดขึ้น เพราะไทยอยู่ในบัญชีรายชื่อให้ระวัง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าต้องมีการตรวจสอบฆ่าเชื้อตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นหลายพันบาท
นายวัลลภ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์เงินบาทผันผวนตามตลาดโลก โดยเงินบาทไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-26 สิงหาคม 2559 แข็งค่าถึงร้อยละ 4.41 ขณะที่คู่แข่ง เช่น เวียดนาม ค่าเงินอ่อนค่า ร้อยละ 0.04 จีน อ่อนค่าร้อยละ 1.27 ดังนั้น หากไม่มีการดูแลค่าเงินที่เหมาะสมจะกระทบหนัก เพราะเห็นชัดว่าเงินบาทที่แข็งค่ามาจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้นเป็นหลัก มาจากการเก็งกระแสว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด โดยแนวโน้มกระแสเงินไหลออกจะเกิดขึ้นภายในปีนี้แน่นอน ทำให้ผู้ส่งออกไม่สามารถตั้งราคารับออร์เดอร์ได้ชัดเจน หากเงินบาทแข็งค่าอีก คู่ค้าก็จะไปสั่งจากคู่แข่งแทนกระทบต่อการส่งออกมากขึ้น สภาฯ จึงขอเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินมาตรการ เพื่อพยุงให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับ 34.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
“การส่งออกสินค้าเกษตรน่าเป็นห่วง ข้าวนาปรังออกมาเยอะ คู่แข่งมีมากราคาลดลง เป้าส่งออกที่ 9.5 ล้านตัน โตร้อยละ 4 เป็นไปได้ยาก ภาพรวมแต่ละอุตสาหกรรมแล้วไม่มีกลุ่มไหนบอกว่าจะเป็นบวก ยกเว้นกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร โดยหากไตรมาส 3 ไม่ฟื้น โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมหากส่งออกไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 17,668.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็อาจจะต้องปรับเป้าให้ติดลบมากขึ้น ส่วนการเมืองหากเลือกตั้งตามโรดแมพการค้าการลงทุนระหว่างประเทศก็ดีขึ้น” นายวัลลภ กล่าว.-สำนักข่าวไทย