กรุงเทพฯ 27 ก.พ. – ประเทศไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองมักชูนโยบายพืชผลเกษตรราคาสูง หวังเรียกคะแนนจากเกษตรกรทั่วประเทศ เลือกตั้งครั้งนี้ แต่ละพรรคชูจุดเด่นนโยบายด้านการเกษตรอย่างไรบ้าง ติดตามจากรายงาน
เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจก่อนพรรคอื่น “ประกันรายได้คนไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ทั้งโครงการโฉนดสีฟ้า ยกระดับ ส.ป.ก.ให้เข้าถึงแหล่งทุนของรัฐ ตกทอดถึงลูกหลานได้ ประกันรายได้เกษตรกรให้ครอบคลุมพืชทุกชนิด มีหลักประกันรายได้ขั้นต่ำ ข้าวไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 10,000 บาท ยางพาราไม่ต่ำกว่า 60 บาท/กิโลกรัม ปาล์ม 10 บาท/กิโลกรัม ทำประกันภัยพืชผลคุ้มครองต้นทุนการผลิต
พรรคเพื่อไทย ชูโครงสร้างเศรษฐกิจไทยด้วยมืออาชีพ ปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี มีกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน สร้างรายได้ เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารปลอดภัยป้อนคนทั้งโลก ให้เงินอุดหนุนข้าวคุณภาพดี เกวียนละ 5,000 บาท ไม่เกิน 15 เกวียน/ครัวเรือน รวมเป็นเงิน 75,000 บาท หรือรายย่อยผลผลิตไม่เกิน 7 เกวียน ครัวเรือนละ 36,000 บาท เพิ่มราคาสินค้าเกษตรทุกชนิด 30% ให้สูงขึ้นภายในเวลา 6 เดือน และยังกำหนดเป้าหมายขายข้าวด้วย
พรรคพลังประชารัฐ “นโยบายสร้างชาติ เพิ่มพลังเศรษฐกิจ” ชูนโยบาย 7-7-7 ต่อยอดนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดย 7 เศรษฐกิจประชารัฐ ยกระดับความสามารถ เพิ่มค่าชดเชยค่าเกี่ยวข้าวจากเดิม 12 ไร่ เป็น 20 ไร่ และเพิ่มจากไร่ละ 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท เกี่ยวเสร็จรับเงินแล้ว 40,000 บาท/ครัวเรือน และยังให้ค่าเก็บเพิ่มอีก 30,000 บาท รวมเป็น 70,000 บาท รวมทั้งให้ได้สิทธิประโยชน์ในการจำนำยุ้งฉาง
พรรคอนาคตใหม่ ปลดหนี้เกษตรกรที่หมดศักยภาพแล้ว 4,000 ล้านบาท ปรับหนี้เกษตรกรที่มีศักยภาพ 25,000 ล้านบาท/ปี เป็นเวลา 4 ปี สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรด้วยวิทยาศาสตร์ ใช้เทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิต 30-50% เพิ่มผลผลิตต่อไร่
พรรคภูมิใจไทย ประกาศทวงคืนกำไรให้ชาวนา เสนอกฎหมายตั้งกองทุนข้าว ระบบกำไรแบ่งปัน เพิ่มรายได้ให้ชาวนา ทวงคืนกำไรให้ชาวสวนปาล์ม เปลี่ยนสวนปาล์มเป็นบ่อน้ำมัน สร้างโรงไฟฟ้าน้ำมันปาล์ม
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายที่ออกมาเท่านั้น เหลือเวลาอีก 20 กว่าวัน จะถึงวันเลือกตั้ง คงต้องวัดกันนาทีสุดท้ายว่า พรรคใดจะงัดกลยุทธ์ชูนโยบายแก้ปัญหาให้เกษตรกรได้จริง หากทำได้มีโอกาสสูงที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้. – สำนักข่าวไทย