ภท. โต้โพล อนุทิน เป็นที่รู้จัก

กทม. 22 ก.พ. -ภท. ย้ำ กัญชาเสรี ทำได้จริง ศึกษาวิจัยมาแล้ว โต้โพล อนุทิน เป็นที่รู้จัก ขณะที่สั่งผู้สมัคร เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็น โลโก้พรรค สร้างภาพจำ-ตอกย้ำใกล้ชิดประชาชน


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค และ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค แถลงข่าวชี้แจงนโยบายกำไรแบ่งปันสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าว ที่มีการตั้งข้อสังเกตจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า อาจทำให้ข้าวสารมีราคาแพง และนโยบายกัญชาเสรี ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่านโยบายดังกล่าวทำไม่ง่าย ว่า ขอยืนยันว่านโยบายต่างๆ ของพรรคทั้ง 12 ด้าน ผ่านการศึกษาและวิจัยตามหลักวิชาการ ยกตัวอย่างเรื่องข้าว ที่ยืนยันว่าจะไม่ทำให้ราคาข้าวสารแพงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการควบคุมราคาข้าวสาร และตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2562 ได้จัดให้ข้าวอยู่ในสินค้าควบคุม นอกจากนี้ ระบบข้าวกำไรแบ่งปันของพรรคยังใช้รูปแบบเดียวกับกฎหมายอ้อยและน้ำตาลที่ดำเนินการมาแล้ว 35 ปี  ทำให้ชาวไร่อ้อยได้กำไรถึงร้อยละ 70 ขณะที่โรงงานและผู้ส่งออกน้ำตาลได้กำไรจากส่วนแบ่งร้อยละ 30 ดังนั้น หากนำแนวทางของอ้อยและน้ำตาลมาใช้กับข้าว ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน โดยชาวนาจะได้ส่วนแบ่งร้อยละ 5 โรงสีร้อยละ 10 และผู้ค้าข้าวได้ร้อยละ 15 

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ส่วนนโยบายกัญชาเสรีนั้น เดิมกัญชาไม่ได้ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษและมีขายตามร้านขายยา แต่ต่อมา พ.ศ. 2522 รัฐบาลได้กำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติด กระทั่งปัจจุบัน รัฐบาลได้แก้ไขกฎหมายให้กัญชาสามารถใช้ทางการแพทย์และการพาณิชย์ แต่พรรคเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ โดยเราได้ศึกษาต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบด้วยการใช้กัญชาเพื่อ 3 วัตถุประสงค์ คือ เพื่อการแพทย์ เพื่อการพาณิชย์ และ ประชาชนสามารถปลูกได้ 6 ต้น/ครอบครัว ซึ่งพรรคได้นำโมเดลดังกล่าวมาทำเป็นนโยบาย พร้อมเสนอเป็นร่างกฎหมาย โดยเสริมเรื่องที่ 4 คือแพทย์แผนไทย ดังนั้น หากพรรคเป็นรัฐบาล จะแก้กฎหมายและผลักดันทั้ง 4 แนวทางให้เป็นความจริง ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ประเทศปีละประมาณ 303,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ จะนำเงิน 100,000 ล้านบาท ไปผลักดันนโยบายอีก 11 ด้านของพรรค โดยไม่ต้องกู้เงิน ไม่ต้องขึ้นภาษี หรือขายพันธบัตร ส่วนเงินอีก 200,000 ล้านบาท จะนำไปลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 7 เหลือร้อยละ 5 ถือเป็นการลดรายจ่ายของประชาชน และทำให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจได้มากขึ้น 


นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลของนายวิษณุที่ระบุว่ากัญชาบางสายพันธุ์ เป็นโทษมากกว่าเป็นคุณนั้น ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสรรหาสายพันธุ์ที่ดีและมีราคามาให้ประชาชนเพาะปลูก เช่นเดียวกับการหาพันธุ์ข้าวที่รัฐบาลต้องควบคุม ไม่ใช่การต้มแกงไก่ที่จะใช้สายพันธุ์อะไรก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากพรรค ภท.ไม่ได้เข้าไปแก้ไขกฎหมายยาเสพติดให้โทษที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ให้ความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้ ก็จะส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตยามีโอกาสครอบงำและผูกขาดธุรกิจกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ประชาชนจะเสียโอกาสในการสร้างรายได้ด้วยการปลูกกัญชาครอบครัวละ 6 ต้น รวมทั้งยังต้องเสี่ยงซื้อยาที่มีราคาแพง เช่น น้ำมันแคนนาบิไดออล (CBD Oil) ที่สกัดจากพืชกัญชา ซึ่งมีราคาแคปซูลละ 3,000 บาท และตนเชื่อว่านายทุนเหล่านั้นจะไม่ลดราคาให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายอย่างแน่นอน 

เมื่อถามถึงโอกาสในการผลักดันนโยบายกัญชาเสรีให้เป็นผลสำเร็จ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า หากประชาชนเห็นด้วยกับนโยบายกัญชาเสรี ขอให้เลือกพรรคภท.กันมากๆในวันที่ 24 มีนาคมนี้ หากพรรคภท.เป็นแกนนำรัฐบาล ก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากใครจะดึงเราไปร่วมรัฐบาล ก็ต้องรับนโยบายทั้ง 12 ด้านไปปฏิบัติ แต่หากไม่รับ เราก็ไม่ร่วม และขอยืนยันว่า หากเราทำนโยบายกัญชาเสรีได้จริง ประชาชนจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่ลดลง เหลือร้อยละ 5 อย่างแน่นอน 

เมื่อถามว่า จากผลโพลหลายสำนัก พบว่าพรรคภท.และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ไม่ติดอยู่ในอันดับความนิยม นายศักดิ์สยามกล่าวว่า สำนักโพลมีหลายสำนัก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่เราจะได้ทำงานให้หนักขึ้น และอยากให้ดูวันที่ 24 มีนาคม ว่าสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนกรณีที่ระบุว่านายอนุทินไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา นายอนุทินเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และที่ผ่านมา จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนและกล่าวปราศรัยในเวทีต่างๆ ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี 


ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวว่า ใกล้ถึงวันเลือกตั้ง 24 มีนาคมเข้ามาทุกขณะ สถานการณ์การเมืองก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น  ที่ผ่านมา เราจะเห็นการใช้เกมใต้ดินต่างๆ ในทางการเมืองเข้ามาทำลายล้างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใส่ร้าย ให้ข่าวโจมตี หรือการทำลายป้ายหาเสียง พรรค ภท.เองก็มีผู้สมัครที่ถูกกระทำอย่างนั้นด้วย ซึ่งเราเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นพลวัตทางการเมือง จึงไม่ได้มีการโต้ตอบอะไรออกไป อีกทั้งนายอนุทินได้ให้นโยบายไว้ชัดเจนว่าเราทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ตอบโต้ทำลายกันทางการเมือง 

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า ช่วงใกล้เลือกตั้งที่เหลือเวลาอีก 31 วันนั้น หัวหน้าพรรคได้กำชับให้ลูกพรรคทุกคนเร่งลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรค และแนะนำผู้สมัครให้ประชาชนในพื้นที่ได้รู้จักมากที่สุด ซึ่งการให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับผู้สมัคร และนโยบายของพรรค จะเป็นส่วนช่วยให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจลงคะแนนให้กับผู้สมัครของเราได้ นอกจากนี้ นายอนุทินยังได้ขอความร่วมมือไปยังลูกพรรคทุกคนให้ใช้ตรา (Logo) ของพรรค ภท. นำมาเป็นภาพโปรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ไปจนถึงวันที่ 24 มีนาคม เพื่อให้ประชาชนจดจำพรรคภท.ได้ และสื่อให้เห็นว่าพรรคภท.อยู่กับประชาชนในทุกที่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]