กทม. 21 ก.พ.- จี้ทีโออาร์ชิงเค้กดิวตี้ฟรีสนามบินโปร่งใส ไม่ผูกขาด คาดสร้างรายได้เพิ่มให้ประเทศ 50,000 – 100,000 ล้านบาทต่อปี
วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับท่องเที่ยว และรายได้ของประเทศที่เกิดจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะร้านค้าดิวตี้ฟรี ที่ไทยจะเปิดประมูลใหม่ ส่วนใครยังไม่วางแผนท่องเที่ยวสงกรานต์หยุดยาววันนี้มีสถานที่มาแนะนำจุดนี้เที่ยวได้ทั้งปี ต่อเนื่องจากวานนี้ ที่คณะกรรมการบริษัทท่าอากาศกาศยานไทย หรือ ทอท.ได้เห็นชอบหลักการในการคัดเลือกผู้ประกอบการขายสินค้าปลอดอากร หรือดิวตี้ฟรี ที่ผู้ประกอบการรายปัจจุบัน คือคิงเพาเวอร์จะครบสัญญา 15 ปี ในเดือนกันยายน 2563 การประมูลใหม่นี้จะให้แยก 3 สัญญาใหญ่ ได้แก่ กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร(Duty Free) กิจกรรมเชิงพาณิชย์ (Retail, F&B, Service และ Bank) และกิจการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) เพื่อให้ผู้ประกอบการในเมือง (Downtown) สามารถส่งมอบสินค้าปลอดอากร ที่สนามบินของ ทอท. ได้ เพราะหากจำกันได้ ล็อตเต้ เกาหลีใต้ได้พยายามมาเปิดดิวตี้ฟรีในเมือง แต่ติดปัญหา Pick-up Counter ที่สนามบิน ที่คิงเพาเวอร์เป็นเจ้าของสัมปทานรายเดียว และไม่มีพื้นที่เหลือให้ล็อตเต้ ก็ทำให้ล็อตเต้เปิดดิวตี้ฟรีไม่ได้
วันนี้สมาคมผู้ค้าปลีกไทยแถลงชื่นชมมติคณะกรรมการดังกล่าว และเรียกร้องเงื่อนไขประมูลหรือทีโออาร์เปิดประมูล ต้องโปร่งใส แต่ละสนามบินควรจะส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการหลายราย ทั้งในสนามบิน และดิวตี้ฟรีในเมือง ไม่ใช่ผูกขาดหรือเกิดการบริการเพียงรายเดียวซึ่งสนามบินชั้นนำส่วนใหญ่มีผู้ประกอบการอย่างต่ำ 3 ราย และควรกำหนดค่าธรรมเนียมสัมปทานให้สูงขึ้น
จากที่ปัจจุบันค่าสัมปทานของไทยอยู่ที่ร้อยละ 15-21 ของรายได้ยอดขาย แต่ต่างประเทศมีค่าสัมปทานเฉลี่ยร้อยละ 30-40 โดยในเกาหลีใต้ สนามบินอินชอนมี 2 เทอร์มินอล แต่ละแห่งมีผู้ประกอบการถึง 6 ราย ประกอบกับการส่งเสริมดิวตี้ฟรีในเมือง ก็ทำให้ยอดขายสินค้าดิวตี้ฟรีของเกาหลีใต้ ติดอันดับ 1 ของโลก มียอดขายถึง 10.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่า ไทยถึง 5.7 เท่า แต่มีนักท่องเที่ยวต่ำกว่าไทย 3 เท่าตัว โดยไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นอันดับ 4 ของโลกและ กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงที่มีคนมาท่องเที่ยวอันดับที่ 1 ของโลก ขายสินค้าดิวตี้ฟรีได้ประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์ ไทยมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 35.4 ล้านคนต่อปี แต่เกาหลีใต้ มีนักท่องเที่ยว 13.3 ล้านคน ซึ่งหากทีโออาร์ดิวตี้ฟรีเปิดกว้างมีหลายราย และเพิ่มค่าธรรมเนียมสัมปทาน ก็เชื่อมั่นว่ารายได้ของประเทศ จะเพิ่มขึ้นอีก 50,000 – 100,000 ล้านบาทต่อปี โดยทีโออาร์ก็ควรลดระยะเวลาเปิดสัมปทานเหลือ 5-7 ปีจากสัมปทานปัจจุบัน 15 ปี
ไปอีกเรื่องหนึ่งวันหยุดสงกรานต์ ทางราชการที่ปีนี้หยุดยาวนาน 5 วัน ตั้งแต่ วันที่ 12-16 เมษายน หากใครมองหาที่เที่ยวที่อยากไปดูสีน้ำที่สวยงามที่ไม่ใช่ทะเลก็ขอแนะนำว่า ไปเขื่อนที่มีชื่อเดิมว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ“เขื่อนรัชชประภา” หรือกุ้ยหลินเมืองไทย อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขื่อนอเนกประสงค์ ทำประโยชน์ทั้งการเกษตร การไล่น้ำเค็ม การอุปโภคบริโภค ผลิตไฟฟ้า 240 เมกะวัตต์ ปัจจุบันกลายแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ มาที่นี่เดินป่าก็ได้ ไปดูถ้ำก็ได้ มาว่ายน้ำก็ได้ มีแพพัก ให้บริการของภาครัฐและเอกชน 16 แห่ง บนฝั่งก็มีที่พักของทั้งเอกชนและ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ตื่นเช้าก็สามารถมาดูทะเลหมอก จากบริเวณพื้นที่เขื่อน มองไปไปยังด้านเขาพัง ก็จะเจอทะเลหมอกในภาคใต้ที่สวยงาม ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่ต่ำกว่า 150,000 คนต่อปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีแต่นักท่องเที่ยวไทย แต่ช่วง 2-3 ปีนี้มีต่างชาติมาเยือนมากขึ้น โดยเฉพาะรัสเซีย ซึ่งทาง กฟผ.นั้นก็ร่วมกับชาวบ้านมีแผนส่งเสริมทุกโรงไฟฟ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ท้องถิ่นและเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ามากขึ้น
และหากไปเขื่อนรัชชประภาแล้ว ก็ต้องไม่พลาดไปสะพานแขวนเขาพัง ข้ามคลองพะแสง มาที่นี่ก็นิยมเก็บภาพกับด้านหลัง ซึ่งมีลักษณะเป็น รูปหัวใจ บรรยากาศเป็นธรรมชาติ มีความงดงามสวยแปลกตา ที่นี่มีสวนผลไม้หลากหลายที่ขึ้นชื่อก็ทุเรียนและชาวบ้านก็ได้รวมตัวเปิดตลาดสินค้าชุมชนตลาดคลองพระแสงเปิดขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์ เท่านั้น เปิดมาได้ 2 เดือน รายได้รวมนับแสนบาทต่อเดือน มีของท้องถิ่นขายมากหมายเช่น หมกไข่ปลาโดยไม้ไผ่ และอื่นๆ และก็จะไปเจอน้องกันต์ ศิลปินตลุงตัวน้อยอายุเพียง 10 ขวบ เรียกได้ว่ามาเที่ยวเขื่อนรัชชประภาและพื้นที่ใกล้เคียงก็จะครบทีเดียวชมชิมช็อปสบายตาและก็จ่ายไม่แพงเหมือนกับไปต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย