ตลท. 13 ก.พ. – Beacon VC นำทัพลงทุน Jitta กว่า 200 ล้านบาท ดันสตาร์ทอัพไทยสร้างนวัตกรรมพลิกโฉม WealthTech
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ร่วมแสดงความยินดีกับ Beacon VC บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทยในการประกาศนำการลงทุนครั้งใหญ่มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท กับ Jitta สตาร์ทอัพแถวหน้าของไทยผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการลงทุนให้ผู้ใช้งานจากทั่วโลก โดยเป็นการลงทุนระดับ Pre-Series A ของสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเวลานี้ โดยมองว่าเป็นการจับคู่ธุรกิจที่น่าจับตามองต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พร้อมผลักดันสตาร์ทอัพเติบโตพร้อมเป็นสื่อกลางให้สตาร์ทอัพได้พบกับนักลงทุน และในอนาคตเตรียมที่จะประสานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันผลักดันให้สตาร์ทอัพไทย ขณะเดียวกันวางแผนที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพจับคู่กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมากกว่า 700 บริษัท เพื่อเดินหน้าธุรกิจกลายเป็นนักรบเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่ของไทยในอนาคต
นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด กล่าวว่า Beacon VC เห็นแนวโน้มและศักยภาพการเติบโตของตลาดในกลุ่มเทคโนโลยีการลงทุน (WealthTech) ซึ่งกำลังมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้นในตลาดทั่วโลก โดย Jitta แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยี ด้วยอัลกอริทึมวิเคราะห์หุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจได้ในระยะยาวและยังมีฐานผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Beacon VC ถือเป็นหนึ่งในกองทุน Venture Capital ไทยที่ลงทุนในสตาร์ทอัพมากที่สุดขณะนี้ โดยที่ผ่านมาลงทุนไปแล้ว 5 บริษัททั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ Beacon VC มีนโยบายมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจของธนาคาร หรือส่งเสริมความสามารถในการให้บริการของธนาคารกสิกรไทย ครั้งนี้นับเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงสุดสำหรับสตาร์ทอัพไทยในรอบการลงทุน Pre-Series A โดย Beacon VC ในฐานะผู้นำการลงทุนครั้งนี้จะสนับสนุนให้ Jitta ขยายและพัฒนาธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อนำนวัตกรรมการลงทุนที่เข้าใจง่ายสะดวก และมีประสิทธิภาพมาช่วยสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวอย่างยั่งยืนให้กับนักลงทุนทุกกลุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายและความมุ่งมั่นของธนาคารกสิกรไทย
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Jitta กล่าวว่า การเข้าเป็นพันธมิตรกับ Beacon VC ในการสนับสนุนทั้งเงินทุนและโอกาสทางธุรกิจครั้งนี้จะช่วยให้ Jitta สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างนวัตกรรมก้าวขึ้นเป็นผู้นำบริการด้าน WealthTech โดยตั้งเป้าขยายทีมพัฒนา เพื่อเน้นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาต่อยอดนวัตกรรมอย่างเข้มข้นมากขึ้น พร้อมเปิดข้อมูลวิเคราะห์หุ้นให้ครบ 16 ประเทศ เพื่อครอบคลุม 95% ของหุ้นทั่วโลก รวมถึงเปิดบริการผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขยายตลาดไปยังประเทศสิงคโปร์และอินเดียในปีนี้
ทั้งนี้ Jitta เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทยด้าน WealthTech เน้นการลงทุนบนพื้นฐานการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) ตามหลักการของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า ” ลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม” เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2557 โดยมีพันธกิจหลัก คือ การสร้างเทคโนโลยีให้ผู้ลงทุนทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลที่ทำให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลตอบแทนสูงขึ้น ผ่านวิธีการที่เรียบง่ายกว่า แบ่งเป็น 2 บริการหลัก คือ Jitta.com เทคโนโลยีวิเคราะห์พื้นฐานหุ้น (fundamental analysis) ครอบคลุมหุ้น 16 ประเทศทั่วโลก โดยปัจจุบัน Jitta.com มีสมาชิกเข้าใช้งานกว่า 200,000 คน จาก 128 ประเทศทั่วโลกและ Jitta Wealth เทคโนโลยีบริหารกองทุนหุ้นอัตโนมัติ (automated stock investment) ลงทุนตาม Jitta Ranking ที่สามารถสร้างผลตอบแทนดีกว่า ด้วยความเสี่ยงและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนภายใต้การบริหารของพันธมิตรแล้วกว่า 2,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ เตรียมเปิดให้บริการ Jitta Wealth ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี ลงทุนในหุ้นตามการวิเคราะห์จัดอันดับของ Jitta Ranking เน้นลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ดำเนินการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการขอใบอนุญาตการจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยจะเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่า Jitta Wealth จะเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยอย่างมาก เพราะการใช้เทคโนโลยีทำให้สามารถบริหารกองทุนได้มีประสิทธิภาพสูงกว่า มีค่าบริหารจัดการต่ำกว่าเพียง 0.5% ต่อปี และเป็นธรรมแก่นักลงทุนมากที่สุด ด้วยการคิดค่าธรรมเนียมเพียง 10% ของกำไร อีกทั้งยังสร้างโอกาสและกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในประเทศไทย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา สะดวกสบายตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนอย่างดีที่สุดด้วยบริการออนไลน์
สำหรับข้อมูลจากรายงาน BCG Global Asset Management 2561 สรุปมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การดูแล (assets under management) สุทธิทั่วโลกปี 2560 ว่ามีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,500 ล้านล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 12% โดยสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นประเทศที่มีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลสูงสุด สำหรับประเทศไทยมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การดูแลสุทธิ 6 ล้านล้านบาท เติบโต 7.6% โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้มีความต้องการของการจัดการบริหารเงินทุนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในรูปแบบใหม่ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ (WealthTech) เพื่อความคุ้มค่า ลดความเสี่ยง และสร้างผลกำไรที่ดีกว่าในระยะยาว ซึ่งตรงกับแนวโน้มพฤติกรรมของนักลงทุนในปัจุบัน . – สำนักข่าวไทย