กรุงเทพฯ 22 ม.ค.- หลังจากถกเถียงกันมาว่า จะแก้ไขปัญหาค่ารคักษาพยาบาลแพงกันอย่างไร วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ยา-เวชภัณฑ์-ค่าบริการทางการแพทย์ และบริการอื่นๆ ในสถานพยาบาล เป็นสินค้าควบคุม เรื่องนี้จะส่งผลอย่างไร ค่าบริการทางการแพทย์จะถูกได้จริงหรือไม่ ? ติดตามได้จากรายงาน
ถูกใจใครหลายคน สำหรับมติคณะรัฐมนตรีให้ค่ายา-เวชภัณฑ์ และค่าบริการการแพทย์โรงพยาบาลเอกชน เป็นสินค้าควบคุม โดยจะครอบคลุมถึงเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นและใช้ในการรักษาพยาบาล เช่น ผ้าพันแผล สายน้ำเกลือ เข็มฉีดยา เป็นต้น และควบคุมรวมไปถึงการบริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาโรค หลังมีเสียงโอดครวญผ่านกระทรวงพาณิชย์ว่า ค่ารักษาสูงเกินจริง อยากให้รัฐเข้ามาดูแล หลังจากนี้จะตั้งคณะอนุกรรมการที่มีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ภาคประชาชน และสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าพิจารณาราคาที่เหมาะสม เป็นธรรม แต่จะไม่กำหนดเพดานราคา
ขณะที่ตัวแทนสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเคารพมติคณะรัฐมนตรี แต่ยืนยันการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชนเป็นบริการทางเลือก คนที่มาใช้เป็นกลุ่มคนเมือง ที่ไม่ต้องการรักษาตามสิทธิ หวังแค่ความสะดวกสบายเมื่อมาใช้บริการ การควบคุมราคาจะส่งผลต่อต้นทุนในการพัฒนาระบบและบริการของโรงพยาบาล รวมถึงอาจจะส่งผลให้ต้องเพิ่มค่าบริการอื่นนอกเหนือ สร้างความยุ่งยากและสับสนให้คนใช้บริการเมื่อมองดูใบเสร็จ
ส่วนมุมมองจากตัวแทนภาคประชาชน ยังไม่อยากให้ประชาชนรีบดีใจ เพราะยังไม่ชัดเจนว่าจะคุมค่ารักษาพยาบาลได้จริง ที่สำคัญทำได้ทันรัฐบาลชุดหรือไม่ พร้อมเสนอว่าควรตั้งเพดานราคาอย่างหลวมๆ เพื่อกำหนดเป็นแนวทางราคาให้ทั้งประชาชนทราบ และโรงพยาบาลเอกชนอยู่ได้ ควบคู่ไปกับการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบค่ารักษาพยาบาลแบบ One Stop Service ควบคู่กันไป เพราะมิเช่นนั้นการร้องเรียนค่ารักษาพยาบาลแพงต้องเกิดถึง 4 หน่วยงาน ทั้ง สคบ., อย., กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
ราคารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนจะลดลงจริงหรือไม่? หรือจะเป็นแค่ฝันหวานตอนกลางวัน คงต้องจับตาการทำงาน และกรอบระยะเวลาการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ.-สำนักข่าวไทย