รัฐสภา 22 ม.ค.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจง สนช.มีมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ด้าน สนช.เสนอแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หน้ากากขาดและแพง ล้างถนน 7 วัน พร้อมเสนอมาตรการระยะยาวใช้รถยนต์ไฟฟ้า ปรับผังเมือง
กรรมาธิการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เชิญตัวแทนกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก กทม. กองบังคับการตำรวจจราจร และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมพิจารณาเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานที่เกิดจากการคมนาคมในเขต กทม. และปริมณฑล จนเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยได้รับฟังรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ กทม.จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่กรรมาธิการฯ จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถิติ เปรียบเทียบค่าฝุ่นละออง เพราะสงสัยว่าเหตุใดสถานการณ์ใน กทม.ปีนี้รุนแรง และต้องการทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร เพื่อแก้ให้ตรงจุด
ตัวแทนจากรุงเทพมหานคร (กทม.) ชี้แจงว่า สถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองเคยเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน และที่ผ่านมา กทม.ได้มีมาตรการในการแก้ไข ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหา อาทิ ตรวจจับรถควันดำ ควบคุมการก่อสร้าง เพิ่มความถี่ในการล้างถนน และเพิ่มพื้นที่สีเขียว พร้อมกำหนดมาตรการคุมเข้มในระยะต่อไป จะยกระดับมาตรการ หากค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยทั่ว กทม.เกินมาตรฐาน 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ติดต่อกัน 3 วัน จะมีมาตรการ เช่น หยุดสร้างรถไฟฟ้า ให้รถบรรทุกเข้า กทม. เวลา 21.00-05.00 น. ห้ามเผา กำหนดบทลงโทษ เพิ่มจุดตรวจควันดำ และลดค่าบริการรถสาธารณะ ร้อยละ 50 และมีแนวคิดที่จะเสนอรัฐบาลให้ใช้มาตรา 9 ของ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
ด้านตัวแทนจากกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า ได้ให้รถหยุดวิ่ง ใช้รถ NGV แทนรถดีเซล ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้เก็บงานให้เรียบร้อย เพื่อให้การจราจรไม่ติดขัด ส่วนการทางพิเศษ ได้ให้ติดตั้งเครื่องปล่อยละอองน้ำที่หน้าด่าน ขณะที่ตัวแทนจากกรมเจ้าท่า ชี้แจงว่า ได้สั่งการให้ทดสอบค่ามลพิษและปรับปรุง ส่วนตัวแทนกรมการขนส่งทางบก ชี้แจงว่า ได้มีการตรวจสอบรถของ ขสมก. รุ่นดีเซล กว่า 1,400 คัน พบควันดำเกินมาตฐาน 14 คัน จึงห้ามใช้ นอกจากนี้ยังเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจวัดควันดำ ทั้งรถสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล โดยจัดหน่วยพิเศษ ออกตรวจ ขณะที่ตัวแทนจากกองบังคับการตำรวจจราจร ชี้แจงว่า ได้มีการเพิ่มจุดตรวจ 12 จุดทั่ว กทม.
ทั้งนี้กรรมาธิการ และ สนช.ที่เข้าร่วมประชุม ได้แลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งเห็นด้วยกับการสร้างระบบสาธารณูปโภค เพื่อให้ประชาชนเดินทางสะดวกและลดมลพิษ โดยให้เริ่มมาตรการระยะยาว ตั้งแต่พิจารณาเรื่องผังเมือง ไม่ให้จำนวนประชากรหนาแน่นเกินไป พร้อมเห็นควรให้หามาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องประสบปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนและราคาแพง เพราะเป็นเรื่ิองเฉพาะหน้า นอกจากนี้ยังเสนอว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ร้อยละ 60 เกิดจากรถยนต์ จึงควรพิจารณาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เน้นตรวจสภาพรถให้จริงจัง โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานมาก ๆ และเสนอให้ทำความสะอาดถนนและฟุตบาทใน กทม. 7วัน และวัดค่ามลพิษลดลงหรือไม่ จากนั้นไปหามาตรการควบคุมรถที่มีการขนของ
อย่างไรก็ตาม พล.ท.จเรศักณิ์ อานุภาพ ประธานกรรมาธิการฯ ระบุว่า จะนำข้อเสนอต่าง ๆ ของสมาชิกส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย