ยูเออี 15 ม.ค. – “ช้างศึก” ผงาดเข้ารอบน็อกเอาต์ ศึกฟุตบอลเอเชียน คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 47 ปี หลังไล่ตีเสมอ ยูเออี 1-1 มี 4 คะแนน คว้าอันดับ 2 ของกลุ่ม รับเละเบื้องต้น 10 ล้านบาท
“ช้างศึก” ทีมชาติไทย ภายใต้การบริหารงานโดย “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่นัดล่าสุดชนะ บาห์เรน 1-0 คว้า 3 คะแนนมาได้ หากนัดนี้ทำได้แค่เสมอก็มีลุ้นเข้ารอบไปยาวๆ โดยมีการปรับทัพเล็กน้อยจากเกมก่อน ส่ง มิก้า ชูนวลศรี แทน พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ติดโทษแบน นอกนั้นเป็นชุดเดิมในระบบ 3-5-2 ส่วนเจ้าภาพ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ภายใต้การคุมทีมของ อัลแบร์โต ซัคเคโรนี จัดทัพชุดใหญ่เช่นเดียวกัน
เปิดเกมมาได้เพียง 7 นาที เจ้าบ้านได้เฮ เมื่อ อิสมาอิล อัล ฮามาดี หลุดเข้าไปชิพมุมแคบชนคาน ก่อน อาลี มับคูต ตามเข้าโขกตุงตาข่ายให้ ยูเออี นำ ไทย 1-0
จากนั้นเมื่อ “ช้างศึก” เสียประตูก็เริ่มปรับแท็กติก เน้นเพรสซิ่งบีบเร็ว ทำให้เจ้าถิ่นเริ่มออกอาการเป๋ กระทั่งนาทีที่ 22 เกือบได้ลุ้นตีเสมอ เมื่อ ธีรศิลป์ แทงให้ อดิศักดิ์ หลุดเข้าไปจิ้มแบบฉีดยาด้วยซ้าย กะให้เข้าเสาแรก ทว่าโดน คาลิด ไอซา มือกาวยูเออี ป้องกันไว้ได้
นาทีที่ 41 ชนาธิป กระดกเข้ากรอบเขตโทษ ธีรศิลป์ ปรี่เข้าหาบอล ขณะที่ โมฮาเหม็ด อาเหม็ด กองหลังเจ้าถิ่น เข้าบอลไม่ขาดและสับสนกับผู้รักษาประตู ก่อน “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ตอกส้นติดเซฟ และตามซ้ำเข้าไปเป็นประตูตีเสมอให้ไทย 1-1
เริ่มครึ่งหลัง ต่างฝ่ายต่างผลัดกันบุกคนละทีสองที โดยนาทีที่ 51 ทีมชาติไทยได้ลูกเตะมุมด้านซ้าย และ ธีราทร รับหน้าที่ปั่นเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น ธีรศิลป์ ที่ได้เทคตัวขึ้นโหม่ง แต่ลูกลอยข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย จนท้ายที่สุดไม่มีทีมใดทำสกอร์เพิ่มได้ จบเกม ทีมชาติไทย ยันเสมอกับ ยูเออี 1-1 ควงกันเข้ารอบ โดยไทยได้รองแชมป์กลุ่ม มี 4 คะแนน ส่วน ยูเออี เข้าไปในฐานะแชมป์กลุ่ม มี 5 คะแนน
ขณะที่ผลอีกคู่ที่แข่งในเวลาเดียวกัน บาห์เรน คว้าชัยในช่วงทดเวลาเจ็บเหนือ อินเดีย 1-0 คว้า 3 แต้ม มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน เท่ากับทีมชาติไทย แต่เฮดทูเฮดเป็นทีมไทยดีกว่า
หลังเกม “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ก่อนเกมนี้กังวล แต่เราเตรียมตัวมาดี ซึ่งพยายามบอกนักเตะให้มีสมาธิ ทุกคนสามารถทำออกมาได้แบบมีคุณภาพ และหลังจบเกมรู้สึกดีใจ เพราะจริงๆ ไม่น่าเป็นไปได้ ทุกคนต้องสร้างประวัติศาสตร์ นักเตะและโค้ชต่างทำงานไปด้วยกันได้ ถือว่าภูมิใจที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการฟุตบอลไทยได้ ส่วนรอบหน้าจะเจอกับจีนหรือเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นงานหนักแน่นอน
ด้าน “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ช่วยกันพาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย พร้อมขอบคุณโค้ช ทีมงานสตาฟฟ์ ที่ช่วยกันทำงาน และยกย่องทีมสปิริตว่ามีความสามัคคี โดยพร้อมเจอกับทุกทีมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
สำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้าย “ช้างศึก” ซึ่งจบเป็นรองแชมป์กลุ่มเอ ต้องโคจรไปเจอกับรองแชมป์ของกลุ่มซี ระหว่าง จีน หรือ เกาหลีใต้ ซึ่งทั้งคู่ควงกันเข้ารอบน็อกเอาต์แน่นอนแล้ว หลังมี 6 คะแนนเท่ากัน แต่จีนมีลูกได้เสียดีกว่า โดยทั้ง 2 ทีมจะต้องบู๊กันในแมตช์สุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ในวันที่ 16 มกราคมนี้ เพื่อหาแชมป์ของกลุ่ม โดยเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะลงเล่นในวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคมนี้ ที่สนามฮัซซา บิน ซายิด สเตเดียม ในเมืองอัล ไอน์ เริ่มแข่งขันเวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ด้านสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยืนยันเตรียมให้เงินรางวัลอัดฉีด 10 ล้านบาท แก่นักเตะทั้ง 23 คน และสตาฟฟ์โค้ช โดยเงินรางวัลก้อนนี้เท่ากับว่า ทีมชาติไทยรับแล้ว 15 ล้านบาท หลังจากเกมก่อนหน้านี้เอาชนะ บาห์เรน 1-0. – สำนักข่าวไทย