ภูมิภาค 6 ม.ค. – ตัวเลขความเสียหายจากอิทธิพลของพายุ “ปาบึก” ช่วงที่ผ่านมา เบื้องต้นพบว่า นครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบหนักสุด คือ น้ำท่วม 23 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 179,000 ครัวเรือน หรือคิดเป็น 500,000 คน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “ปาบึก” พบมีทั้งหมด 18 จังหวัด รวม 90 อำเภอ 407 ตำบล ประชาชนเดือดร้อนรวม 696,189 คน โดยจังหวัดที่กระทบหนักสุด คือ นครศรีธรรมราช พบน้ำไหลหลากเข้าท่วม 23 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 179,868 ครัวเรือน หรือประมาณ 539,000 คน
ที่สงขลา พบว่า เกิดวาตภัยและคลื่นซัดชายฝั่ง 4 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 8,630 ครัวเรือน เช่นเดียวกับที่ชุมพร เกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 6 อำเภอ มีประชาชนเดือดร้อน 2,000 คน จังหวัดพัทลุง เกิดวาตภัย 6 อำเภอ เดือดร้อน 11,067 ครัวเรือน รวมถึงที่ประจวบคีรีขันธ์ พบน้ำทะเลหนุนสูง 5 อำเภอ เดือดร้อนประมาณ 1,500 คน นอกจากนี้ยังเกิดน้ำทะเลหนุนสูงในภาคกลางและภาคตะวันออก ทั้งตราด, ระยอง, จันทบุรี, สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม
รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ พบว่ามีจำนวน 4 ศพ แบ่งเป็นที่นครศรีธรรมราช 2 ศพ จากเหตุการณ์จมน้ำเสียชีวิต ที่อำเภอปากพนัง และ ต้นไม้ล้มทับบ้านที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ส่วนอีก 2 ศพจากกรณีเรือประมงอับปาง ซึ่งศพได้ลอยมาเกยชายหาดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี
ส่วนผลกระทบด้านการเกษตร พบว่ามี 13 จังหวัดที่เสียหาย โดยเฉพาะด้านพืชทั้ง ข้าว, พืชไร่ และ พืชสวน เสียหาย 116,823 ไร่ เกษตรกรกระทบ 189,000 คน ส่วนด้านประมง เกษตรกรกระทบ 6,653 ราย พื้นที่บ่อปลา, บ่อกุ้ง หรือ กระชังปลา จำนวน 22,364 ไร่กระทบ และด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 25,000 ราย สัตว์ต่างๆ ทั้งโค, กระบือ, สุกร และสัตว์ปีก รวม 1,200,000 ตัวได้รับผลกระทบ
บินสำรวจความเสียหายทางอากาศ จ.สงขลา
ขณะที่วันนี้ (6 ม.ค.) ตำรวจกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวงและหน่วยบินสงขลา ขึ้นบินสำรวจถนนสาย 408 ที่เชื่อมต่อสงขลากับนครศรีธรรมราช ตั้งแต่อำเภอสทิงพระ จนถึงแหลมตะลุมพุก พบว่าถนนสามารถใช้การได้ดี หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังนำต้นไม้และเสาไฟฟ้าที่หักโค่นออกจากพื้นผิวการจราจร ขณะที่พื้นที่ 7 อำเภอของนครศรีธรรมราช พบว่าทั้งหมดเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยเฉพาะคลื่นลมในทะเลที่อ่อนกำลังลง ถนนสายต่างๆ กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เหลือเพียงบางจุดที่ยังมีน้ำท่วมขัง อย่างไรก็ตาม ยังพบร่องรอยความเสียหายของบ้านเรือนจำนวนมากบริเวณอำเภอปากพนัง และแหลมตะลุมพุก .- สำนักข่าวไทย