อังกฤษ 4 ม.ค. – ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกสนุก หลังแมนฯ ซิตี้ เฉือนชนะลิเวอร์พูล 2-1 ไล่จี้เหลือ 4 แต้ม ยัดเยียดความปราชัยนัดแรกในฤดูกาลนี้สำเร็จ!!
ย้อนกลับไปดูผลเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ นัดที่ 21 เมื่อคืนที่ผ่านมา เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 3 ที่มี 47 คะแนน เปิดเอติฮัต สเตเดี้ยม พบกับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูง ที่มี 54 คะแนน นัดนี้ถ้าลิเวอร์พูล ชนะ จะทำแต้มทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ 10 คะแนน และทิ้ง สเปอร์ส 9 คะแนน แต่เกมนี้กลับเป็นแมนฯ ซิตี้ ที่เฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 โดยเซร์คิโอ กุน อเกวโร่ ยิงให้เจ้าถิ่นขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 40 ก่อนที่โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จะโหม่งตีเสมอในนาทีที่ 64 แต่นาทีที่ 72 ลีรอย ซาเน่ มาเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยช่วยให้ ซิตี้ เฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 ทำให้ แมนฯ ซิตี้ มี 50 คะแนน ตามหลังลิเวอร์พูล เหลือ 4 คะแนน และถือเป็นความพ่ายแพ้นัดแรกในลีกฤดูกาลนี้ของลิเวอร์พูล
โดยในเกมนี้มีจังหวะปัญหานาทีที่ 18 เมื่อ จอห์น สโตน เตะสกัดลูกยิงของ ซาดิโอ มาเน่ ไปถูก เอแดร์ซอน โมราเอส นายทวารเพื่อนร่วมทีม บอลลอยเกือบเข้าประตู แต่สโตน กลับไปเตะสกัดออกมาได้ ซึ่งสัญญาณโกลไลน์ ยืนยันว่าบอลยังไม่ข้ามเส้นประตูไปทั้งลูก ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดได้ประตูขึ้นนำ ซึ่งหากได้ประตูนี้เกมอาจจะเปลี่ยน
ทำให้คะแนนของทีมลุ้นแชมป์และทีม TOP 5 ที่จะได้สิทธิ์ไปเตะฟุตบอลยูโรป กลับมาสูสีและได้ลุ้นกันอีกครั้ง หลังจบนัดที่ 21 โดยลิเวอร์พูล มี 54 คะแนน อันดับ 2 แมนฯ ซิตี้ 50 คะแนน อันดับ 3 สเปอร์ส 48 คะแนน อันดับ 4 เชลซี 44 คะแนน อันดับ 5 อาร์เซนอล 41 คะแนน
ซึ่งหลังจบเกม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือเรือใบสีฟ้า แชมป์เก่า ออกมาชื่นชมลูกทีมที่เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดนี้ จนสามารถเอาชนะทีมที่ฟอร์มกำลังดีที่สุดในเวลานี้อย่าง ลิเวอร์พูล ทำให้นักเตะทุกคนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และลดช่องว่างเหลือเพียง 4 แต้ม
ส่วนเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดง ออกมาตำหนิผู้ตัดสินที่ไม่แจกใบแดงให้กับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ของแมนฯ ซิตี้ ที่เข้าเสียบ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อย่างรุนแรง เพราะในจังหวะนั้นถ้าซาลาห์ ไม่กระโดดหลบก็น่าจะเจ็บหนักแน่นอน และฤดูกาลที่แล้ว ที่บุกมาแพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-5 ซาดิโอ มาเน่ ก็ถูกใบแดงจากจังหวะยกเท้าสูง แต่ในเมื่อเกมจบเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ตอนนี้เราจะมาดูโปรแกรมในเกมลีกนัดสำคัญที่เหลือของ 3 ทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์มากที่สุดในตอนนี้ เริ่มที่ ลิเวอร์พูล 17 นัดที่เหลือ มีโปรแกรมพบทีมใน 6 อันดับแรกเพียง 3 นัด 24 ก.พ. บุกไปเยือน แมนฯ ยู ในศึกแดงเดือด, 30 มี.ค. พบ สเปอร์ส และ 13 เม.ย.พบ เชลซี
แมนฯ ซิตี้ อันดับ 2 เหลือพบทีม TOP 6 อีก 4 นัด 3 ก.พ. พบ อาร์เซนอล, 10 ก.พ. พบ เชลซี, 16 มี.ค. บุกไปทำศึกดาร์บี้แมตช์กับ แมนฯ ยู และ 20 เม.ย. พบ สเปอร์ส
สเปอร์ส อันดับ 3 เหลือมากที่สุด 5 นัด 13 ม.ค. พบ แมนฯ ยู, 28 ก.พ. เยือน เชลซี, 2 มี.ค. พบ อาร์เซนอล, 30 มี.ค. เยือน ลิเวอร์พูล และ 20 เม.ย. เยือน แมนฯ ซิตี้
สำหรับโปรแกรมที่เราพูดถึงคือเฉพาะในเกมลีก แต่ยังไม่รวมโปรแกรมฟุตบอลถ้วยในประเทศทั้งเอฟเอคัพ, ลีกคัพ และถ้วยยุโรป ซึ่งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ลิเวอร์พูล จะพบกับ บาเยิร์น มิวนิค 19 ก.พ. และ 13 มี.ค. , แมนฯ ซิตี้ พบ ชาลเก้ 20 ก.พ. และ 12 มี.ค., สเปอร์ส พบ ดอร์ทมุนด์ 13 ก.พ. และ 5 มี.ค. ซึ่งก็ต้องอยู่ที่การจัดตัวผู้เล่นลงสนามในแต่ละรายการ เพื่อให้นักเตะมีความฟิตสมบูรณ์พร้อมที่จะลงสนาม เพราะหากนักเตะตัวหลักบาดเจ็บหรือถูกแบน ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อผลงานของทุกทีมอย่างแน่นอน
แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษที่ ลิเวอร์พูล รอคอยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1990 ถือว่าปีนี้มีโอกาสใกล้เคียงที่สุดที่จะคว้าแชมป์ ด้วยองค์ประกอบที่ลงตัวทั้งฟอร์มของนักเตะในทีม ฟอร์มของทีมคู่แข่ง ก็ต้องลุ้นและติดตามกันว่าลิเวอร์พูล จะกลับมาเป็น “เครื่องจักรสีแดง” “Red Machine” เหมือนในอดีตได้หรือไม่ .- สำนักข่าวไทย