TNA News-Now-Next: ‘มหากาพย์’ อเลกซานเดอร์ อิซัค ‘นักเตะไร้ใจ’ หรือ ‘ผิดที่สโมสร’

ลอนดอน 3 ก.ย. – เพิ่งปิดฉากไปไม่กี่วันสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะช่วงเปิดฤดูกาล 2025/2026 ที่ปีนี้มีการซื้อขายคึกคัก โดยเฉพาะตลาดนักเตะในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ แต่ละสโมสรไม่ว่าจะเป็นทีมลุ้นแชมป์ หรือทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา ต่างทุ่มเงินซื้อนักเตะมาเสริมทัพกันอย่างดุเดือด เพื่อเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเพื่อลุ้นแชมป์ เพื่อพื้นที่ฟุตบอลยุโรป หรือเพื่อหนีตายไม่ตกชั้นลงไปเล่นในลีกแชมเปี้ยนชิพ ส่งผลให้ตลาดหน้าร้อนฤดูกาลนี้ มีเม็ดเงินที่สโมสรต่างๆ ในพรีเมียร์ลีกทุ่มเสริมทัพมหาศาลเป็นสถิติใหม่ถึง 3,087 ล้านปอนด์! เรียกว่ามากกว่าเม็ดเงินที่ลีกฟุตบอลอาชีพสูงสุดอีก 4 ลีกใหญ่ในยุโรป คือ เซเรีย อา ของอิตาลี บุนเดสลีกาของเยอรมนี ลาลีกาของสเปน และลีก เอิง ของฝรั่งเศส ใช้จ่ายรวมกันเสียอีก


ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจที่สุด หนีไม่พ้นในวันปิดตลาด 1 กันยายน ที่มีการซื้อขายและนักเตะโยกย้ายทีมกันอย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นคือ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว คว้า อเลกซานเดอร์ อิซัค กองหน้าทีมชาติสวีเดนของนิวคาสเซิล มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 125 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,460 ล้านบาท) หลังจากที่มีข่าวให้ความสนใจตามจีบกองหน้าฝีเท้าฉกาจรายนี้มานานหลายเดือน และก่อนหน้านี้ เคยยื่นข้อเสนอให้นิวคาสเซิล 110 ล้านปอนด์ แต่ถูกทีม ‘สาลิกาดง’ ปฏิเสธ

การย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลของอิซัค เกิดขึ้นได้ส่วนหนึ่งก็เพราะนิวคาสเซิลสามารถซื้อ โยอัน วิสซา กองหน้าจากสโมสรเบรนท์ฟอร์ด มาร่วมทีมได้ด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ เพื่อมาเป็นกองหน้าแทนที่อิซัคทันเวลาก่อนตลาดปิด รวมถึงก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งได้ตัว นิค โวลเตอแมด กองหน้าชาวเยอรมันจาก สตุ๊ตการ์ต ด้วยค่าตัวแพงเป็นสถิติสโมสร 65 ล้านปอนด์

นักเตะไร้ใจ-ไม่เป็นมืออาชีพ-ไม่เคารพสัญญา


การย้ายตัวของทั้ง อิซัค และ วิสซา เป็นที่พูดถึงของทั้งบรรดากูรูลูกหนัง สื่อมวลชน และแฟนบอลอังกฤษ จากสิ่งที่หลายคนกล่าวหาทั้งคู่ ว่ามีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจและไม่เป็นมืออาชีพ

ในกรณีของอิซัค ทันทีที่เริ่มมีข่าวว่าลิเวอร์พูลให้ความสนใจอยากได้ตัวเขามาร่วมทีมช่วงก่อนเปิดฤดูกาลนี้ สื่อมวลชนอังกฤษตีข่าวว่าอิซัคเริ่มทำตัวงอแง ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งเจ็บเพื่อไม่ไปร่วมทีมนิวคาสเซิลทัวร์สหรัฐอเมริกา ไม่ฝึกซ้อมกับทีม ก่อนที่เจ้าตัวจะออกแถลงการณ์ผ่านสื่อออนไลน์ กล่าวหาต้นสังกัดอย่างนิวคาสเซิล ว่าผิดคำสัญญาที่เคยรับปากว่าจะยอมให้เขาย้ายทีมได้ในฤดูกาลนี้ หากมีทีมใหญ่ติดต่อเข้ามาในราคาที่เหมาะสม และว่าเขาคงไม่ลงเล่นให้กับทีมอีกต่อไป เพราะความสัมพันธ์มาถึงจุดแตกหัก ไม่อาจร่วมงานกันได้อีกแล้ว

เช่นเดียวกับวิสซา ที่ตกเป็นข่าวว่านิวคาสเซิลให้ความสนใจซื้อไปร่วมทีมเพื่อแทนที่อิซัค แต่ต้นสังกัดอย่างเบรนท์ฟอร์ดบอกปัดไม่ขาย ทำเอาวิสซาถึงกับงอน ลบบัญชีสื่อออนไลน์ของทีมออกจากอินสตาแกรม ไม่ไปซ้อมกับทีม แล้วออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เบรนท์ฟอร์ดรักษาคำพูด ด้วยการยอมให้เขาย้ายออกจากทีม

BBC Football รายงานว่า บรรดากูรูลูกหนัง หรือนักวิเคราะห์วิจารณ์เกม ซึ่งเคยเป็นอดีตนักเตะชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น คริส ซัตตัน, อลัน เชียร์เรอร์ และ เวย์น รูนีย์ ล้วนออกมาโจมตีทั้งอิซัคและวิสซา ว่าทำตัวน่ารังเกียจ จากพฤติกรรมที่เรียกว่า downing tools อันหมายถึงการไม่ยอมทำหน้าที่นักฟุตบอลอาชีพ ทั้งการไม่ลงซ้อม ไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำตัวให้เพื่อนร่วมทีมอิดหนาระอาใจ หรือแกล้งเจ็บ เพื่อกดดันสโมสรต้นสังกัดให้ยอมปล่อยตัวตนเองให้กับทีมอื่นที่ติดต่อขอซื้อตัว ทั้งที่นักเตะยังมีสัญญาผูกพันกับต้นสังกัด ได้รับค่าจ้างทุกสัปดาห์ จึงควรที่จะทำหน้าที่ของตนเอง ซึ่งก็คือการลงฝึกซ้อมและลงเตะอย่างเต็มที่สุดความสามารถ ไม่ใช่งอแงขอย้ายทีมทันทีที่มีสโมสรอื่นติดต่อเข้ามาและยื่นค่าเหนื่อยสูงกว่าให้พิจารณา

BBC Football รายงานว่า บรรดากูรูลูกหนัง หรือนักวิเคราะห์วิจารณ์เกม ซึ่งเคยเป็นอดีตนักเตะชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น คริส ซัตตัน, อลัน เชียร์เรอร์ และ เวย์น รูนีย์ ล้วนออกมาโจมตีทั้งอิซัคและวิสซา ว่าทำตัวน่ารังเกียจ จากพฤติกรรมที่เรียกว่า downing tools อันหมายถึงการไม่ยอมทำหน้าที่นักฟุตบอลอาชีพ ทั้งการไม่ลงซ้อม ไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำตัวให้เพื่อนร่วมทีมอิดหนาระอาใจ หรือแกล้งเจ็บ เพื่อกดดันสโมสรต้นสังกัดให้ยอมปล่อยตัวตนเองให้กับทีมอื่นที่ติดต่อขอซื้อตัว ทั้งที่นักเตะยังมีสัญญาผูกพันกับต้นสังกัด ได้รับค่าจ้างทุกสัปดาห์ จึงควรที่จะทำหน้าที่ของตนเอง ซึ่งก็คือการลงฝึกซ้อมและลงเตะอย่างเต็มที่สุดความสามารถ ไม่ใช่งอแงขอย้ายทีมทันทีที่มีสโมสรอื่นติดต่อเข้ามาและยื่นค่าเหนื่อยสูงกว่าให้พิจารณา

นักวิเคราะห์หลายคนบอกว่า พฤติกรรมของทั้งอิซัคและวิสซา กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ไม่น่าเป็นแบบอย่างให้นักเตะคนอื่นๆ ว่าถ้าไม่พอใจสโมสรเดิมและอยากย้ายทีม ก็ต้องทำตัวแบบไม่เป็นมืออาชีพแบบนี้ ประท้วงไม่ลงซ้อมไม่ลงเตะ บีบให้สโมสรต้องหาทางขายออกไปเพื่อยุติข้อพิพาท พร้อมกับยกตัวอย่างกรณี มาร์ค เกฮี กองหลังทีมชาติอังกฤษของสโมสร คริสตัล พาเลซ ที่มีข่าวว่าลิเวอร์พูลให้ความสนใจ พร้อมยื่นข้อเสนอให้ไปร่วมทีมในช่วงเปิดตลาดซื้อขายที่ผ่านมา แต่เกฮียังคงแสดงความเป็นมืออาชีพเต็มที่ ไม่งอแง ลงเล่นอย่างทุ่มเทให้พาเลซทุกนัดในฤดูกาลนี้ ทั้งที่เจ้าตัวอยากไปร่วมทีมลิเวอร์พูลใจจะขาด แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นว่า เกฮีอกหักไม่ได้ย้ายไปเล่นให้ ‘หงส์แดง’ เนื่องจาก คริสตัล พาเลซ หานักเตะกองหลังคนใหม่มาทดเทนไม่ทันเส้นตายก่อนปิดตลาด เลยขวางไม่ให้เกฮีย้ายออกจากทีมในนาทีสุดท้าย 

สโมสรทำธุรกิจ-ซื้อขายนักเตะเป็นเรื่องปกติ


ทรอย ดีนีย์ อดีตกองหน้าชื่อดังของสโมสรวัตฟอร์ด ที่ปัจจุบันผันตัวเป็นนักวิเคราะห์เกม บอกว่า กรณีของอิซัคและวิสซา คงจะโทษนักเตะเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะสโมสรฟุตบอลก็ทำธุรกิจซื้อขายนักเตะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว นักเตะอยากย้ายทีมเมื่อใดมักจะตกเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกโจมตีว่าไม่เคารพสัญญา ไม่ซื่อสัตย์ต่อสโมสรและแฟนบอล แต่อย่าลืมว่า สโมสรเองก็ขายนักเตะให้ทีมอื่นตลอดเวลาเช่นกัน หากมีข้อเสนอดีๆ เข้ามา แม้ว่านักเตะที่ขายออกไปจะยังมีสัญญาอยู่กับทีม ทีตอนนี้กลับไม่มีใครบอกว่าสโมสรเอาแต่ได้ ขายนักเตะที่ตนเองไม่ใช้งานเพื่อเอาเงิน หรือหาทางรีดค่าตัวนักเตะจากทีมที่อยากได้ด้วยราคาสูงที่สุด ไม่เพียงแต่นักเตะเท่านั้นที่ถูกโละ สโมสรฟุตบอลยังพร้อมที่จะปลดหรือไล่ผู้จัดการทีมอยู่ตลอดเวลา หากทำผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ ทั้งที่ผู้จัดการทีมก็มีสัญญาผูกพันกับสโมสรไม่ต่างจากนักเตะ

แฟนบอลหลายคนยังวิพากษ์วิจารณ์สโมสรนิวคาสเซิล ว่าไม่ยอมทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยรับปากไว้กับอิซัค ทั้งการเพิ่มค่าเหนื่อย ยอมปล่อยตัวหากมีสโมสรใหญ่ติดต่อมา ทำเหมือนอิซัคเป็นผู่ร้ายฝ่ายเดียว จนท้ายที่สุด ก็ยอมปล่อยอิซัคด้วยการรีดค่าตัวสูงเป็นสถิติเกาะอังกฤษถึง 125 ล้านปอนด์ แถมยังไปคว้าวิสซามาเป็นกองหน้าคนใหม่แทน ทั้งที่จริงๆ แล้ว วิสซาก็มีพฤติกรรมที่ไม่ได้ต่างไปจากอิซัคเลยแม้แต่น้อย

อนาคตตลาดนักเตะ-อยากย้ายต้องได้ย้าย

แน่นอนว่า เรื่องราวของอิซัคและวิสซา อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับบรรดานักฟุตบอลอาชีพทั้งหลาย ว่าหากไม่พอใจสภาพการณ์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะไม่ได้ลงเล่น ถูกดอง เจรจาค่าเหนื่อยไม่คืบหน้า หรืออยากย้ายออกจากทีมเพื่อไปเล่นกับทีมใหญ่ที่จ่ายค่าเหนื่อยแพงกว่า ก็แค่ทำตัว ‘ไม่เป็นมืออาชีพ’ มาซ้อมสาย ลงเล่นแบบไม่เต็มร้อย โพสต์วิจารณ์ผู้จัดการทีมลงสื่อออนไลน์ เดี๋ยวก็ได้ย้ายออกจากทีมสมใจ สัญญาที่เซ็นไว้ดูจะไม่มีความหมายอีกต่อไป

แต่ข้อเท็จจริงที่สำคัญอีกอย่างก็คือ นักเตะเป็นทรัพย์สินของสโมสรฟุตบอล หากทีมอื่นสนใจอยากได้ตัวและยื่นข้อเสนอซื้อเข้ามา แล้วสโมสรต้นสังกัดเห็นว่าเหมาะสม ก็พร้อมที่จะปล่อยตัวออกไปอย่างไม่มีเยื่อใยเช่นกัน แม้นักเตะเหล่านี้จะยังมีสัญญาผูกพันกับทีม ทุ่มเทรับใช้สโมสรอย่างเต็มร้อย ช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จ และเป็นที่รักของแฟนบอลก็ตาม

เพราะสุดท้ายแล้ว ‘ฟุตบอลอาชีพ’ (โดยเฉพาะในต่างประเทศ) คือธุรกิจที่มีเม็ดเงินมหาศาล ผลกำไรจากการซื้อขายนักเตะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อเลี้ยงสโมสรให้อยู่ต่อไปได้

‘สัญญา’ ที่ลงนามกันไว้ ก็เป็นแค่เครื่องมือช่วยให้การซื้อขายเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับได้ทั้งฝ่ายสโมสรและนักฟุตบอล ขณะที่ ‘ความซื่อสัตย์และภักดี’ ดูจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้นในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน-815.-สำนักข่าวไทย

แหล่งข้อมูล

https://www.bbc.com/sport/football/articles/c3wnw63d13lo
https://www.nytimes.com/athletic/6552718/2025/08/14/pulisic-weah-evil-usmnt-podcast/
https://www.thesun.co.uk/sport/36345538/alexander-isak-strike-liverpool-transfer-premier-league-newcastle/

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย