ปภ. 3 ม.ค.-ศปถ.สรุปปิดศูนย์ 7 วัน การรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ช่วงปีใหม่ 2562 ยอดเสียชีวิตพุ่ง 463 ราย อุบัติเหตุรวม 3,791 ครั้ง บาดเจ็บ 3,892 คน ตายเป็นศูนย์ 4 จังหวัด ด้านรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย แสดงความเสียใจผู้สูญเสีย เผยยอดอุบัติเหตุ บาดเจ็บลด จากปีที่ผ่านมา แต่ยอดเสียชีวิตสูง เตรียมถอดบทเรียน สั่งตั้งอนุกรรมการฯ วางมาตรการรถจักรยานยนต์
นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 หรือ ศปถ. แถลงปิดศูนย์ ศปถ.พร้อมสรุปสถิติอุบัติเหตุในช่วง 7 วันของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2561 – 2 มกราคม 2562 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,791 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 463 ราย มีผู้บาดเจ็บ 3,892 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตายเป็นศูนย์ มี 4 จังหวัด ได้แก่ ตาก แพร่ สตูล สมุทรสงคราม จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ นครศรีธรรมราช 118 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ นครราชสีมา 25 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด คือ นครศรีธรรมราช 137 คน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 40.39 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 28.30 โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.64
นายสุธี กล่าวด้วยว่า สำหรับสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 2 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ เกิดอุบัติเหตุ 369 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 44 ราย ผู้บาดเจ็บ 391 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 30.35 และขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 29.54 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.53 รถปิคอัพ ร้อยละ 5.70 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 68.56 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 41.46 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.25 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 27.64 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,052 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,644 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 890,673 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 182,023 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 46,248 ราย ไม่มีใบขับขี่ 41,473 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 17 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 18 คน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการทุกเรื่องเพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาล และ คสช.ตั้งใจแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด ทั้งนี้ในนามของรัฐบาล และ ศปถ. ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนที่สูญเสีย รวมถึงผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่รัฐบาลพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ทันท่วงที ซึ่งรัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยมีการดำเนินการตาม 6 มาตรการหลัก และ 1 มาตรการเสริม ดูแลเรื่องคน ถนน ยานพาหนะ สิ่งแวดล้อม อุบัติเหตุ และการท่องเที่ยว
“ณ วันนี้ตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุ เกิดขึ้น 3,761 ครั้ง ซึ่งน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา ร้อยละ 2 และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ลดลงร้อยละ 3 แต่ตัวเลขของผู้เสียชีวิตมีมากขึ้น ดังนั้นต้องดูว่าจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไป โดยปีนี้ตัวเลขของผู้เสียชีวิต มี 463 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักเกิดจากการดื่มแล้วขับ และการขับรถเร็วเกินกำหนด การตัดหน้าแบบกระชั้นชิด โดยทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดจากคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องสร้างจิตสำนึกให้มากขึ้น โดยจะให้คณะอนุกรรมการของ ศปถ.ไปดูรายละเอียดเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งอาจจะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของกฎหมายที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น” นายสุธี กล่าว
นายสุธี กล่าวอีกว่า อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 80 ถือว่าสูงมาก ซึ่งอาจจะตั้งอนุกรรมการฯ เพื่อศึกษามาตรการเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ ควบคุมให้เกิดความเรียบร้อยมากขึ้น
นายสุธี กล่าวด้วยว่า สำหรับจังหวัดที่ไม่มีการสูญเสียเลยในปีนี้ ได้แก่ แพร่ ตาก สมุทรสงคราม และจังหวัดสตูล โดยมี 587 อำเภอที่ไม่มีการสูญเสีย ส่วน 144 อำเภอที่มีความเสี่ยง ก็ต้องดูแล โดยเฉพาะเรื่องการคมนาคม และหากประชาชนตระหนักเรื่องวินัยจราจร อุบัติเหตุก็จะลดลง พร้อมกันนี้ ในส่วนของชุมชน มีการตั้งด่านชุมชน 19,000 ด่าน ใช้เจ้าหน้าที่ 135,000 คน ถือว่าช่วยได้ในมาตรการสังคม ทำให้ลดการสูญเสียได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะมีการถอดบทเรียนของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด เนื่องจากในเดือนเมษายน จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์.-สำนักข่าวไทย