กรุงเทพฯ 14 เม.ย. – ศปถ. เผยสถิติอุบัติเหตุ 3 วันแรกของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” พบสงกรานต์นี้เกิดอุบัติเหตุรวม 756 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 100 ราย บาดเจ็บ 752 คน โดยรถจักรยานยนต์เกิดเหตุสูงสุด ขณะที่พฤติกรรมเสี่ยงอันดับต้นยังคงเป็น “ไม่สวมหมวกนิรภัย” และ “ดื่มแล้วขับ” ล่าสุดพบการ “กินยาออกฤทธิ์ง่วง”
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ (ศปถ.) รายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 13 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2568 เกิดอุบัติเหตุ 296 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 299 คน ผู้เสียชีวิต 39 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 44.26 ดื่มแล้วขับ 29.05 และตัดหน้ากระชั้นชิด 17.91 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.85 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 81.42 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.84 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.09 ถนนในเมือง (เทศบาล) ร้อยละ 14.19 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01-21.00 น. ร้อยละ 20.61 เวลา 15.01-18.00 น. ร้อยละ 16.89 และเวลา 12.01-15.00 น. ร้อยละ 16.55 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 21.89 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,754 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,017 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ภูเก็ต (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ลำปาง (19 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ปทุมธานี สระแก้ว และเชียงราย (จังหวัดละ 3 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ (11 เมษายน-13 เมษายน 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 756 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 752 คน ผู้เสียชีวิต รวม 100 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 30 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง (28 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง 31 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานครรวม 10 ราย
นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานฯ กล่าวว่า ศปถ. ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายกับพฤติกรรมเสี่ยง 10 ข้อ อาทิ ขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย โดยเฉพาะการจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้เด็กต่ำกว่า 20 ปี หากพบว่าเยาวชนดื่มแล้วขับจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องสืบสวนและดำเนินคดีผู้จำหน่ายอย่างเด็ดขาด
พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. ระบุเพิ่มเติมว่า มีรายงานอุบัติเหตุบางส่วนเกิดจาก “ยาที่มีฤทธิ์ง่วงซึม” เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาลดน้ำมูก เป็นต้น จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการขับรถหลังรับประทานยาดังกล่าว และขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่จุดตรวจสอบข้อมูลการใช้ยา รวมถึงให้ผู้จัดการความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) ตรวจสอบผู้ขับรถสาธารณะ
ด้านนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดี ปภ. ฝากถึงประชาชนให้เดินทางอย่างมีสติ ไม่ดื่มแล้วขับ ไม่ขับรถเร็ว สวมใส่อุปกรณ์นิรภัย และมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง เพื่อให้ทุกครอบครัวปลอดภัยในวันครอบครัว.-512-สำนักข่าวไทย