กรุงเทพฯ 27 ธ.ค. – ก.เกษตรฯ จับมือพันธมิตร 8 หน่วยงาน ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคบนที่ ส.ป.ก. มุ่งหวังให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การบูรณาการพัฒนาพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน พื้นที่ยึดคืนตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 36/2559 และพื้นที่โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ร่วมกับ 8 หน่วยงาน ได้แก่ กรมชลประทาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่จำเป็น เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีรายได้มั่นคงจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมภายใน 20 ปี
นายกฤษฎา เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.ป.ก.ร่วมกับ 8 หน่วยงานพัฒนาที่ดิน ส.ป.ก.ที่ยึดคืนตามคำสั่ง ม.44 จำนวน 35,000 ไร่ จากเป้าหมาย 400,000 ไร่ ที่คณะรักษาความสงงบแห่งชาติ (คสช.)ได้มีคำสั่งออกมา กระทรวงเกษตรฯ เป็นคณะอนุกรรมการชุดที่ 3 ด้านการพัฒนาอาชีพ จะได้ที่ดินมาเท่าไหร่ เป็นเรื่องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ที่กระทรวงมหาดไทยดูแลและส่งที่ดินมา เพราะฉะนั้นขอให้ไปตาม คทช. ไม่ใช่ถามกระทรวงเกษตรฯ
ส่วนที่ดิน ส.ป.ก.อำเภอวังน้ำเขียวที่เอกชนเข้าครอบครอง คือ ไร่ฟ้าประทานและฟอร์ร่าพาร์ค นั้น ทั้ง 2 แปลง บางส่วนมาจากที่ ส.ป.ก.จัดให้เกษตรกร และพบว่ามีการเปลี่ยนมือ ซึ่งปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาเรียกให้มาชี้แจงแล้ว เตรียมนำรายละเอียดเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) ขณะที่อีกส่วนของทั้ง 2 แปลง เป็นที่ดิน ส.ป.ก.ยังไม่ได้จัดให้เกษตรกร แต่มีบางหน่วยงานขอใช้พื้นที่ 1 ปี เมื่อปี 2553 และปัจจุบันยังไม่คืนที่ดิน โดยยืนยันว่าทั้ง 2 แปลงจะเร่งทำรายละเอียดเมื่อได้ข้อยุติจาก คปจ.ในการเพิกถอน เรียกคืนพื้นที่ จะส่งฟ้องให้ศาลพิจารณาและออกคำสั่ง เพื่อให้ ส.ป.ก.ปฏิบัติให้ออกจากพื้นที่ ยืนยันว่าทำงานตามกฎหมายและให้ความยุติธรรม ไม่มีการลูบหน้าปะจมูก