กกพ.ไฟเขียว “จีพีเอสซี” ควบรวม” โกลว์”

กรุงเทพฯ 26 ธ.ค. – กกพ.ลงมติเห็นชอบในหลักการ “จีพีเอสซี”ควบรวม “โกลว์” ย้ำเงื่อนไขต้องขาย “โกลว์ เอสพีพี 1” ก่อนควบรวม พ่วงมาตรการ กำหนดเงื่อนไขแนบท้ายสัญญา สร้างความมั่นใจ เป็นธรรม และโปร่งใสให้กลุ่มลูกค้าเดิม


นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.มีมติเห็นชอบในการหลักการให้บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี ควบรวมกิจการกับบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) โดยมีเงื่อนไขกำหนดให้โกลว์ขายกิจการบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ให้เสร็จก่อน หรือเวลาเดียวกันกับการควบรวม พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มธุรกิจโกลว์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล

“กกพ.มีมติเห็นชอบในหลักการให้จีพีเอสซีควบรวมกับโกลว์ แล้ว หลังจากโกลว์ยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตควบรวมกิจการเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง จากการที่ก่อนหน้านี้ กกพ.ไม่อนุมัติและยกคำอุทธรณ์ โดยเห็นว่าข้อเสนอยังคงมีผลต่อการลดการแข่งขันในบางพื้นที่ ภายหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างทางธุรกรรมและยื่นเรื่องขออนุญาตเข้ามาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาลดการแข่งขันตามมติและข้อห่วงใยเดิมของ กกพ.” นางสาวนฤภัทร กล่าว


ในวันนี้ กกพ.มีมติพิจารณาเห็นชอบ ประกอบด้วย เห็นชอบให้จีพีเอสซีกระทำการรวมกิจการกับโกลว์  เนื่องจากเป็นไปตามระเบียบ กกพ. ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อไม่ให้มีการรวมกิจการที่มีลักษณะก่อให้เกิดการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือ จำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนการรวมกิจการให้แก่โกลว์ 1 ข้อ คือ ให้โกลว์ขายกิจการของบริษัทโกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ให้เสร็จก่อนหรือเวลาเดียวกันกับการดำเนินการรวมกิจการกับจีพีเอสซี 

พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้กำหนดเงื่อนไขบังคับหลังการรวมกิจการ โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ผู้รับใบอนุญาตโกลว์ 11 ข้อ และผู้รับใบอนุญาตบริษัทในเครือ ได้แก่ 1. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 11 จำกัด 2. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 2 จำกัด (จำนวน 2 ฉบับ) และ 3. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 3 จำกัด รายละ 10 ข้อ รวม 4 ราย 5 ฉบับ ทั้งนี้ เงื่อนไขดังกล่าวจะมีการทบทวนหรือประเมินผลโดยคณะทำงานที่แต่งตั้งโดย กกพ. เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

สำหรับเงื่อนไขแนบท้ายสัญญา  11 ข้อ ประกอบด้วย 


1. การอำนวยความสะดวกกรณีลูกค้าเดิมเปลี่ยนผู้ให้บริการไฟฟ้า – ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ารายเดิมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมผาแดงประสงค์จะซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่น หรือผู้ให้บริการรายอื่นเพิ่มเติม ผู้รับใบอนุญาตจะรับผิดชอบดำเนินการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าจากแหล่งอื่น หรือผู้ให้บริการรายอื่นให้ รวมถึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินการดังกล่าวด้วย 

2. การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดอื่น ๆ-หากผู้รับใบอนุญาตเข้าข่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นในการรวมกิจการ ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด 

3. การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ – ผู้รับใบอนุญาตต้องประกอบกิจการโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และห้ามแต่งตั้งกรรมการบริหารผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลหรือมีอำนาจควบคุมนโยบายและบริหารจัดการกิจการ ซึ่งเป็นกรรมการผู้บริหาร พนักงาน หรือที่ปรึกษาของบริษัทหรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจหรือกิจการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 

4. การให้บริการอย่างมีมาตรฐานและไม่เลือกปฏิบัติ – ผู้รับใบอนุญาตต้องให้บริการด้านพลังงานและอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ แก่ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าทุกราย โดยไม่เลือกปฏิบัติ และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนด เงื่อนไข และมาตรฐานของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือสัญญาให้บริการไฟฟ้าที่มีผลใช้บังคับอยู่อย่างเคร่งครัด เว้นแต่ข้อกำหนดใดในสัญญามีมาตรฐานต่ำกว่าที่ประกาศ กกพ. เรื่อง มาตราของสัญญาให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ พ.ศ. 2561 กำหนดไว้ให้ดำเนินตามข้อกำหนดในบทเฉพาะกาลในประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด 

5. การพิจารณาให้สิทธิ์ในการพิจารณาต่อสัญญาหรือขยายเวลาสัญญาแก่ลูกค้ารายเดิมก่อน 3 ปี ผู้รับใบอนุญาตต้องพิจารณาให้สิทธิ์ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ารายเดิมที่มีความประสงค์จะต่ออายุหรือขยายระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือสัญญาให้บริการไฟฟ้าเป็นลำดับแรกบนฐานที่ว่าผู้ใดเสนอขอมาก่อนมีสิทธิ์ก่อน โดยให้มีการตกลงสรุปผลของการพิจารณาต่ออายุสัญญาฉบับเดิมสิ้นสุดลงไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น และไม่ปฏิเสธการให้ต่ออายุสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร รวมถึงไม่การกระทำหรือพฤติกรรมลักษณะที่เป็นการกีดกัน จำกัดทางเลือกในการให้บริการหรือรับบริการ หรือกำหนดเงื่อนไขในลักษณะที่เป็นการบังคับโดยตรงหรือโดยอ้อมกับลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าโดยเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตต้องยึดถือและปฏิบัติตามประกาศ กกพ. เรื่อง มาตราของสัญญาให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด 

6. โครงสร้างอัตราค่าบริการมีความเป็นธรรม – กรณีมีการขยายระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่การกำหนดโครงสร้างอัตราการให้บริการพลังงานในสัญญาต้องเป็นไปตามราคาตลาด โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลอันสมควร 

7. การผลิตและจัดหาไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอมีมาตรฐาน – ผู้รับใบอนุญาตต้องไม่ระงับ ลด หรือจำกัดการบริการและการจำหน่ายพลังงานให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการโดยไม่มีเหตุอันสมควร ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถจัดหาไฟฟ้ามาจำหน่ายได้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ผู้รับใบอนุญาตจะต้องจัดสรรปริมาณการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าทุกราย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงมาตรฐาน ความปลอดภัยและข้อจำกัดของระบบไฟฟ้าด้วย 

8. การรักษาความลับข้อมูลทางธุรกิจให้กับลูกค้า – ผู้รับใบอนุญาตต้องรักษาความลับของข้อมูลโดยไม่นำข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการไปใช้เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงไม่เปิดเผยรายละเอียดของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของลูกค้าแต่ละรายให้แก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่สัญญาก่อน 

9. การสนับสนุนธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ – ผู้รับใบอนุญาตต้องยึดถือและปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติหน้าที่กรรมการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) ในกรณีที่มีส่วนได้เสียหรือความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่ได้นำเสนอต่อ กกพ. ไว้อย่างเคร่งครัด ตามหนังสือบริษัท โกลบอล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ที่ 10000000/342/61 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2561 

10. การบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่มีการร้องเรียนหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขสัญญา – ในกรณีที่มีเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้รับใบอนุญาตมีการกระทำหรือพฤติกรรมที่มีลักษณะเป็นการกีดกันการแข่งขันและส่งผลกระทบต่อการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขัน รวมถึงเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในการให้บริการในกิจการพลังงาน คณะกรรมการอาจมีคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างเพื่อแก้ไขหรือไม่ให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือลด หรือ จำกัดการแข่งขัน และ 

11. ในกรณีที่การกระทำ พฤติกรรม หรือเหตุที่ทำให้เกิดการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการในกิจการพลังงานตามข้อ 10 สิ้นสุดลงแล้ว ผู้รับใบอนุญาตอาจต้องร้องขอให้คณะกรรมการระงับ ยกเว้น หรือปรับปรุงมาตรการเฉพาะใหม่ก็ได้ พร้อมแสดงเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ

อย่างไรก็ตาม กกพ.เห็นว่าการรวมกิจการนี้จะก่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงในการให้บริการแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและบริการของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น เสริมสร้างประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในกระบวนการผลิตไฟฟ้าสูงสุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เท้ง” นำทีม ปชน.ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ

รัฐสภา 7 ก.ค.- “เท้ง” นำทีม สส.ปชน. ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ มุ่งสร้างศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ยึดโยงประชาชน หวังรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ปลดชนวนระเบิดเวลาการเมืองไทย ด้าน “พริษฐ์” เผยยังไม่คุย “ภูมิใจไทย” ชี้ให้เวลาพิสูจน์จุดยืน บอกให้ดูการกระทำ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม สส.พรรคประชาชน แถลงข่าวการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า หลายเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา เช่น การยุบพรรคตัดสิทธินักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน คำถามต่อการตรวจสอบคดีการโกงการเลือก สว. หรือการขาดความรับผิดรับชอบจากกรณีตึก สตง. ถล่ม ล้วนมีต้นตอมาจากการออกแบบศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ถูกขยายขอบเขตอำนาจในการตรวจสอบสถาบันทางการเมืองอื่น แต่กลับมีที่มาที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน รวมถึงขาดกลไกที่จะถูกประชาชนตรวจสอบได้โดยตรง ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะต้องมีการหารือร่วมกันทุกฝ่ายใน ส.ส.ร. แต่พรรคประชาชนเห็นว่ารัฐสภาเดินหน้าแก้ไขได้บาง มาตรา โดยเป็นการแก้ไขแบบคู่ขนานกันไป ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรายื่นในวันนี้ มุ่งสู่การสร้างศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ไม่เป็นอิสระจากประชาชนโดยแบ่งออกเป็น 3 ร่าง ร่างที่ 1 เป็นการ […]

สั่งระงับงานก่อสร้างในพื้นที่สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

กทม. 7 ก.ค. – เขตมีนบุรี สั่งระงับงานก่อสร้างภายในพื้นที่สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี ซอยนิมิตใหม่ 6 จนกว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบโครงสร้าง-สาเหตุเหล็กล้มลงแล้วเสร็จ ด้าน กปน. ออกแถลงการณ์ ยืนยันไม่กระทบโครงสร้างอาคาร พร้อมเยียวยาผู้บาดเจ็บ ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยนาทีโครงเหล็กภายในไซต์งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวง (กปน.) ค่อยๆ เอนแล้วก็ล้มลงมา ทำให้คนงานที่นั่งทำงานอยู่บนนั้นได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (6 ก.ค.) ภายในสถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี ซอยนิมิตใหม่ 6 เขตมีนบุรี ขณะเกิดเหตุมีคนงานปฏิบัติงานอยู่ 160 คน ออกมาภายนอกได้ทั้งหมด โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน ล่าสุดวันนี้ นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี เข้าตรวจสอบพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิภาพและคุ้มครองแรงงาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน ให้อยู่ด้านนอกรั้วเท่านั้น ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี ออกมาเปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการก่อสร้างบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการจ่ายน้ำของสถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี กปน. โดยมีขนาดกว้าง […]

ชาวกัมพูชาแห่ขึ้นปราสาทตาควาย มากผิดปกติ

7 ก.ค. – ชาวกัมพูชา แห่ขึ้นปราสาทตาควาย ร่ายคาถาภาษาเขมร ทำพีธีเซ่นไหว้ ด้านคนไทยหวังดี เตือนคุณตาวัย 76 พิการขา เดินดีๆ แต่เจอตอบสวน “ถึงจะล้ม ก็ล้มบนผืนแผ่นดินกัมพูชา” บรรยากาศที่ปราสาทตาควาย มีนักท่องเที่ยวกัมพูชา มาท่องเที่ยวมากผิดปกติกว่า 200 คน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวัน โดยชาวกัมพูชา นำเครื่องเซ่นไหว้ เข้าไปในตัวปราสาทควาย บริเวณจุดทำพิธี ทำพิธีอะไรเป็นภาษาเขมร ระหว่างนั้นมีชายชาวกัมพูชา ขาด้วนหนึ่งข้างอายุ 76 ปี มาจากจังหวัดเสียมเรียบ ใช้ไม้ค้ำประคองตัวเอง เพื่อที่จะขึ้นบันไดปราสาท ด้วยความหวังดีคนไทยกลัวว่าชายขาด้วนจะลื่นล้ม เพราะตะไคร้น้ำขึ้นตามบันไดหนาแน่น เลยเตือนว่า “ระวังลื่นล้มน่ะตาเดินดีๆ” ยังไม่ทันพูดจบ แทนที่ชายขาด้วนจะขอบคุณ ตอบกลับมาว่า “ถึงจะล้มก็ล้มบนผืนแผ่นดินกัมพูชา” นอกจากนี้ เกิดการโต้เถียงกันระหว่างนักท่องเที่ยวกัมพูชากับนักท่องเที่ยวไทย รวมไปถึงทหารฝั่งกัมพูชาและทหารฝั่งไทย หลังจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาเอาผ้าพันคอที่มีสัญลักษณ์ธงชาติกัมพูชาเข้ามาแสดงสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่ไทยห้ามปรามจนเกิดปากเสียงกัน แต่ไม่ได้บานปลายเพียงก่อกวน.-สำนักข่าวไทย

“พิชัย” เผยไทยยื่นข้อเสนอเจรจาภาษีเพิ่มเติมถึงสหรัฐเมื่อคืน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“พิชัย” เผยไทยยื่นข้อเสนอเจรจาภาษีเพิ่มเติมถึงสหรัฐเมื่อคืน ลุ้นขยายเส้นตายออกไปจนถึง 1 ส.ค. ชี้การเจรจายังไม่จบ และข้อเสนอที่ส่งไปยังปรับปรุงได้ตลอด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีกับสหรัฐว่าในส่วนของประเทศไทยได้มีการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมให้ทางสหรัฐพิจารณาไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยข้อเสนอที่ยื่นไปอยู่บนหลักเกณฑ์เดิมที่เราเคยยื่นไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามการที่เราเดินทางไปเจรจาก่อนหน้านี้ ข้อเสนอที่มีอยู่ไม่ถึงขนาดที่ต้องแก้ไขอะไรใหม่ เพียงแต่ว่าเราไปฟังความเห็นของสหรัฐเองว่ามีรายการไหนที่เขาสนใจเป็นพิเศษ เราก็นำกลับมาดูอีกครั้งและปรับปรุงเท่าที่เราทำได้แล้วส่งไปให้พิจารณาใหม่ โดยเป็นการยื่นในเรื่องอัตราภาษีและสินค้า ซึ่งก็ยังมีเรื่องอื่นๆที่เขานั่งดูอยู่ที่ไม่เกี่ยวกับอัตราภาษี สหรัฐก็กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งจริงๆแล้วเมื่อเขาประกาศออกมาเท่าไหร่ก็ยังไม่จบสามารถที่จะปรับปรุงไปได้เรื่อยๆ เมื่อถามว่าอัตราภาษีที่ไทยจะถูกเก็บจากสหรัฐยังคาดหวังที่ต่ำกว่า 18% ใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่าขณะนี้ประเทศที่ได้เจรจาแล้วยังมีจำนวนน้อย ตอนนี้ก็ต้องดูว่าจากข่าวที่ออกมาว่าอาจมีการเลื่อนออกไปจนถึง 1 ส.ค. ถึงจะกำหนดอีกครั้งหนึ่งว่าประเทศที่เหลือที่เจรจาแล้ว จะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ เมื่อถามว่าเราจะยอมเหมือนเวียดนามให้เขานำเข้าแบบเสียภาษีศูนย์เปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ นายพิชัย ตอบว่าอย่างที่บอกไปแล้วว่าเราต้องใช้หลักในการเปิดใจคุยกันด้วยความปรารถนาที่ดี เขามีอะไรที่อยากได้ แล้วเราก็เอารายการที่เคยซื้อสินค้าจากสหรัฐทั้งหมดมาดูอีกครั้ง ดังนั้นถามว่าเป็นอย่างไรในเรื่องการนำเข้าสินค้าเพิ่ม เราก็ต้องดูแลผู้ผลิตสินค้าในไทยด้วย ส่วนเรื่องของสินค้าสวมสิทธิ์เป็นเรื่องในหลักการอยู่ในข้ออื่นๆ ที่เขาก็ดูอยู่ ซึ่งประเทศไทยเราเองก็ทำงานในเรื่องนี้ บางเรื่องเราก็ให้สหรัฐมาทำงานร่วมกัน เข้ามาดูด้วยกันซึ่งกติกาแบบนี้ต้องทำต่อเนื่องตอนนี้ยังไม่จบ ถามต่อว่าประเทศไทยจะอยู่ในกลุ่มที่สหรัฐส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีที่จะต้องเสียเพิ่ม หรืออยู่ในกลุ่มที่ได้คุยต่อ นายพิชัย กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องรอดูก่อนว่าเขาว่าอย่างไร ซึ่งอีก 2 -3 วันก็จะได้ความชัดเจน.-314.-สำนักข่าวไทย