กกพ.ไฟเขียว “จีพีเอสซี” ควบรวม” โกลว์”

กรุงเทพฯ 26 ธ.ค. – กกพ.ลงมติเห็นชอบในหลักการ “จีพีเอสซี”ควบรวม “โกลว์” ย้ำเงื่อนไขต้องขาย “โกลว์ เอสพีพี 1” ก่อนควบรวม พ่วงมาตรการ กำหนดเงื่อนไขแนบท้ายสัญญา สร้างความมั่นใจ เป็นธรรม และโปร่งใสให้กลุ่มลูกค้าเดิม


นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.มีมติเห็นชอบในการหลักการให้บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี ควบรวมกิจการกับบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) โดยมีเงื่อนไขกำหนดให้โกลว์ขายกิจการบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ให้เสร็จก่อน หรือเวลาเดียวกันกับการควบรวม พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มธุรกิจโกลว์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล

“กกพ.มีมติเห็นชอบในหลักการให้จีพีเอสซีควบรวมกับโกลว์ แล้ว หลังจากโกลว์ยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตควบรวมกิจการเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง จากการที่ก่อนหน้านี้ กกพ.ไม่อนุมัติและยกคำอุทธรณ์ โดยเห็นว่าข้อเสนอยังคงมีผลต่อการลดการแข่งขันในบางพื้นที่ ภายหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างทางธุรกรรมและยื่นเรื่องขออนุญาตเข้ามาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาลดการแข่งขันตามมติและข้อห่วงใยเดิมของ กกพ.” นางสาวนฤภัทร กล่าว


ในวันนี้ กกพ.มีมติพิจารณาเห็นชอบ ประกอบด้วย เห็นชอบให้จีพีเอสซีกระทำการรวมกิจการกับโกลว์  เนื่องจากเป็นไปตามระเบียบ กกพ. ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อไม่ให้มีการรวมกิจการที่มีลักษณะก่อให้เกิดการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือ จำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนการรวมกิจการให้แก่โกลว์ 1 ข้อ คือ ให้โกลว์ขายกิจการของบริษัทโกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ให้เสร็จก่อนหรือเวลาเดียวกันกับการดำเนินการรวมกิจการกับจีพีเอสซี 

พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้กำหนดเงื่อนไขบังคับหลังการรวมกิจการ โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ผู้รับใบอนุญาตโกลว์ 11 ข้อ และผู้รับใบอนุญาตบริษัทในเครือ ได้แก่ 1. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 11 จำกัด 2. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 2 จำกัด (จำนวน 2 ฉบับ) และ 3. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 3 จำกัด รายละ 10 ข้อ รวม 4 ราย 5 ฉบับ ทั้งนี้ เงื่อนไขดังกล่าวจะมีการทบทวนหรือประเมินผลโดยคณะทำงานที่แต่งตั้งโดย กกพ. เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

สำหรับเงื่อนไขแนบท้ายสัญญา  11 ข้อ ประกอบด้วย 


1. การอำนวยความสะดวกกรณีลูกค้าเดิมเปลี่ยนผู้ให้บริการไฟฟ้า – ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ารายเดิมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมผาแดงประสงค์จะซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่น หรือผู้ให้บริการรายอื่นเพิ่มเติม ผู้รับใบอนุญาตจะรับผิดชอบดำเนินการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าจากแหล่งอื่น หรือผู้ให้บริการรายอื่นให้ รวมถึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินการดังกล่าวด้วย 

2. การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดอื่น ๆ-หากผู้รับใบอนุญาตเข้าข่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นในการรวมกิจการ ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด 

3. การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ – ผู้รับใบอนุญาตต้องประกอบกิจการโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และห้ามแต่งตั้งกรรมการบริหารผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลหรือมีอำนาจควบคุมนโยบายและบริหารจัดการกิจการ ซึ่งเป็นกรรมการผู้บริหาร พนักงาน หรือที่ปรึกษาของบริษัทหรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจหรือกิจการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 

4. การให้บริการอย่างมีมาตรฐานและไม่เลือกปฏิบัติ – ผู้รับใบอนุญาตต้องให้บริการด้านพลังงานและอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ แก่ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าทุกราย โดยไม่เลือกปฏิบัติ และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนด เงื่อนไข และมาตรฐานของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือสัญญาให้บริการไฟฟ้าที่มีผลใช้บังคับอยู่อย่างเคร่งครัด เว้นแต่ข้อกำหนดใดในสัญญามีมาตรฐานต่ำกว่าที่ประกาศ กกพ. เรื่อง มาตราของสัญญาให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ พ.ศ. 2561 กำหนดไว้ให้ดำเนินตามข้อกำหนดในบทเฉพาะกาลในประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด 

5. การพิจารณาให้สิทธิ์ในการพิจารณาต่อสัญญาหรือขยายเวลาสัญญาแก่ลูกค้ารายเดิมก่อน 3 ปี ผู้รับใบอนุญาตต้องพิจารณาให้สิทธิ์ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ารายเดิมที่มีความประสงค์จะต่ออายุหรือขยายระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือสัญญาให้บริการไฟฟ้าเป็นลำดับแรกบนฐานที่ว่าผู้ใดเสนอขอมาก่อนมีสิทธิ์ก่อน โดยให้มีการตกลงสรุปผลของการพิจารณาต่ออายุสัญญาฉบับเดิมสิ้นสุดลงไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น และไม่ปฏิเสธการให้ต่ออายุสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร รวมถึงไม่การกระทำหรือพฤติกรรมลักษณะที่เป็นการกีดกัน จำกัดทางเลือกในการให้บริการหรือรับบริการ หรือกำหนดเงื่อนไขในลักษณะที่เป็นการบังคับโดยตรงหรือโดยอ้อมกับลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าโดยเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตต้องยึดถือและปฏิบัติตามประกาศ กกพ. เรื่อง มาตราของสัญญาให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด 

6. โครงสร้างอัตราค่าบริการมีความเป็นธรรม – กรณีมีการขยายระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่การกำหนดโครงสร้างอัตราการให้บริการพลังงานในสัญญาต้องเป็นไปตามราคาตลาด โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลอันสมควร 

7. การผลิตและจัดหาไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอมีมาตรฐาน – ผู้รับใบอนุญาตต้องไม่ระงับ ลด หรือจำกัดการบริการและการจำหน่ายพลังงานให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการโดยไม่มีเหตุอันสมควร ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถจัดหาไฟฟ้ามาจำหน่ายได้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ผู้รับใบอนุญาตจะต้องจัดสรรปริมาณการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าทุกราย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงมาตรฐาน ความปลอดภัยและข้อจำกัดของระบบไฟฟ้าด้วย 

8. การรักษาความลับข้อมูลทางธุรกิจให้กับลูกค้า – ผู้รับใบอนุญาตต้องรักษาความลับของข้อมูลโดยไม่นำข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการไปใช้เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงไม่เปิดเผยรายละเอียดของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของลูกค้าแต่ละรายให้แก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่สัญญาก่อน 

9. การสนับสนุนธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ – ผู้รับใบอนุญาตต้องยึดถือและปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติหน้าที่กรรมการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) ในกรณีที่มีส่วนได้เสียหรือความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่ได้นำเสนอต่อ กกพ. ไว้อย่างเคร่งครัด ตามหนังสือบริษัท โกลบอล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ที่ 10000000/342/61 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2561 

10. การบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่มีการร้องเรียนหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขสัญญา – ในกรณีที่มีเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้รับใบอนุญาตมีการกระทำหรือพฤติกรรมที่มีลักษณะเป็นการกีดกันการแข่งขันและส่งผลกระทบต่อการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขัน รวมถึงเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในการให้บริการในกิจการพลังงาน คณะกรรมการอาจมีคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างเพื่อแก้ไขหรือไม่ให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือลด หรือ จำกัดการแข่งขัน และ 

11. ในกรณีที่การกระทำ พฤติกรรม หรือเหตุที่ทำให้เกิดการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการในกิจการพลังงานตามข้อ 10 สิ้นสุดลงแล้ว ผู้รับใบอนุญาตอาจต้องร้องขอให้คณะกรรมการระงับ ยกเว้น หรือปรับปรุงมาตรการเฉพาะใหม่ก็ได้ พร้อมแสดงเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ

อย่างไรก็ตาม กกพ.เห็นว่าการรวมกิจการนี้จะก่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงในการให้บริการแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและบริการของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น เสริมสร้างประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในกระบวนการผลิตไฟฟ้าสูงสุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย ย้ำกัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กทม. 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย คุย “ฮุน มาเนต” หยุดยิงเป็นเรื่องแรก และต้องแสดงให้เห็นว่าจริงใจ ยันไม่มีเรื่องแผนที่ 1 : 200,000 พร้อมยึดหลักอธิปไตยและทรัพย์สินของประชาชนเป็นที่ตั้ง และก่อนไปหารือกองทัพแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้จะพบกันในเวลาประมาณ 15.00 น. จะมีการคุยกับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นการยกระดับการคุยในระดับผู้นำประเทศในระดับนายกรัฐมนตรี โดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นโฮส มีผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์2 ประเทศคือสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน […]

มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์

กทม. 28 ก.ค.-มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์ ทหารถือรูปภาพ ข้อความ RIP หวังทำลายขวัญกำลังใจ ยันจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ภายหลังกัมพูชามีการรายงานและเผยแพร่รูปทหารถือภาพของตนเอง พร้อมข้อความ RIP ว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อมูล โดยการปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสนในหมู่ของคนไทย ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้.-313.-สำนักข่าวไทย

จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเร่งอพยพชาวบ้านกลางดึก

แพร่ 28 ก.ค.-จ.แพร่ น้ำป่าไหลหลากในช่วงกลางดึก พื้นที่ ม.9 และ ม.1 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชน แต่ในระหว่างอพยพ กระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้ชาวบ้านที่กำลังข้ามน้ำถูกพัดออกไปติดอยู่อีกฝั่ง โชคดีชาวบ้านโยนเชือกช่วยเหลือไว้ได้ทัน ขณะน้ำเมื่อคืนไหลแรงมาก ชาวบ้านเก็บของไม่ทัน มีรถยนต์ ของใช้ที่ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต สำหรับฝนที่ตกลงมาใน จ.แพร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลห้วยโรง และตำบลไผ่โทน เมื่อเวลา 20.00 น. มีปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด 130 มม. สำหรับแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่บริเวณ Y20 สถานีวัดระดับน้ำบ้านห้วยสักวัดได้ 7.58 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.00 ม. เมื่อตอนเวลา 22.00 น. หากฝนยังคงตกต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำยมสูง อาจส่งผลให้น้ำท่วมระลอกที่ 2 ได้.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สนามหลวง 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” รักษาราชการแทนนายกฯ และภริยา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องไทยธรรมและผ้าไตรแด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ก่อนจะตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์และสามเณร 174 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญและภริยา คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยราชการในพระองค์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมภริยา หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรในครั้งนี้ด้วย จากนั้น เวลา 08.00 น. รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี […]