กกพ.ไฟเขียว “จีพีเอสซี” ควบรวม” โกลว์”

กรุงเทพฯ 26 ธ.ค. – กกพ.ลงมติเห็นชอบในหลักการ “จีพีเอสซี”ควบรวม “โกลว์” ย้ำเงื่อนไขต้องขาย “โกลว์ เอสพีพี 1” ก่อนควบรวม พ่วงมาตรการ กำหนดเงื่อนไขแนบท้ายสัญญา สร้างความมั่นใจ เป็นธรรม และโปร่งใสให้กลุ่มลูกค้าเดิม


นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.มีมติเห็นชอบในการหลักการให้บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี ควบรวมกิจการกับบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) โดยมีเงื่อนไขกำหนดให้โกลว์ขายกิจการบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ให้เสร็จก่อน หรือเวลาเดียวกันกับการควบรวม พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มธุรกิจโกลว์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล

“กกพ.มีมติเห็นชอบในหลักการให้จีพีเอสซีควบรวมกับโกลว์ แล้ว หลังจากโกลว์ยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตควบรวมกิจการเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง จากการที่ก่อนหน้านี้ กกพ.ไม่อนุมัติและยกคำอุทธรณ์ โดยเห็นว่าข้อเสนอยังคงมีผลต่อการลดการแข่งขันในบางพื้นที่ ภายหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างทางธุรกรรมและยื่นเรื่องขออนุญาตเข้ามาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาลดการแข่งขันตามมติและข้อห่วงใยเดิมของ กกพ.” นางสาวนฤภัทร กล่าว


ในวันนี้ กกพ.มีมติพิจารณาเห็นชอบ ประกอบด้วย เห็นชอบให้จีพีเอสซีกระทำการรวมกิจการกับโกลว์  เนื่องจากเป็นไปตามระเบียบ กกพ. ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อไม่ให้มีการรวมกิจการที่มีลักษณะก่อให้เกิดการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือ จำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนการรวมกิจการให้แก่โกลว์ 1 ข้อ คือ ให้โกลว์ขายกิจการของบริษัทโกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ให้เสร็จก่อนหรือเวลาเดียวกันกับการดำเนินการรวมกิจการกับจีพีเอสซี 

พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้กำหนดเงื่อนไขบังคับหลังการรวมกิจการ โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ผู้รับใบอนุญาตโกลว์ 11 ข้อ และผู้รับใบอนุญาตบริษัทในเครือ ได้แก่ 1. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 11 จำกัด 2. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 2 จำกัด (จำนวน 2 ฉบับ) และ 3. บริษัท โกลว์ เอสพีพี 3 จำกัด รายละ 10 ข้อ รวม 4 ราย 5 ฉบับ ทั้งนี้ เงื่อนไขดังกล่าวจะมีการทบทวนหรือประเมินผลโดยคณะทำงานที่แต่งตั้งโดย กกพ. เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

สำหรับเงื่อนไขแนบท้ายสัญญา  11 ข้อ ประกอบด้วย 


1. การอำนวยความสะดวกกรณีลูกค้าเดิมเปลี่ยนผู้ให้บริการไฟฟ้า – ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ารายเดิมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมผาแดงประสงค์จะซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่น หรือผู้ให้บริการรายอื่นเพิ่มเติม ผู้รับใบอนุญาตจะรับผิดชอบดำเนินการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าจากแหล่งอื่น หรือผู้ให้บริการรายอื่นให้ รวมถึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินการดังกล่าวด้วย 

2. การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดอื่น ๆ-หากผู้รับใบอนุญาตเข้าข่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นในการรวมกิจการ ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด 

3. การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ – ผู้รับใบอนุญาตต้องประกอบกิจการโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และห้ามแต่งตั้งกรรมการบริหารผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลหรือมีอำนาจควบคุมนโยบายและบริหารจัดการกิจการ ซึ่งเป็นกรรมการผู้บริหาร พนักงาน หรือที่ปรึกษาของบริษัทหรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจหรือกิจการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 

4. การให้บริการอย่างมีมาตรฐานและไม่เลือกปฏิบัติ – ผู้รับใบอนุญาตต้องให้บริการด้านพลังงานและอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ แก่ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าทุกราย โดยไม่เลือกปฏิบัติ และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนด เงื่อนไข และมาตรฐานของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือสัญญาให้บริการไฟฟ้าที่มีผลใช้บังคับอยู่อย่างเคร่งครัด เว้นแต่ข้อกำหนดใดในสัญญามีมาตรฐานต่ำกว่าที่ประกาศ กกพ. เรื่อง มาตราของสัญญาให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ พ.ศ. 2561 กำหนดไว้ให้ดำเนินตามข้อกำหนดในบทเฉพาะกาลในประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด 

5. การพิจารณาให้สิทธิ์ในการพิจารณาต่อสัญญาหรือขยายเวลาสัญญาแก่ลูกค้ารายเดิมก่อน 3 ปี ผู้รับใบอนุญาตต้องพิจารณาให้สิทธิ์ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ารายเดิมที่มีความประสงค์จะต่ออายุหรือขยายระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือสัญญาให้บริการไฟฟ้าเป็นลำดับแรกบนฐานที่ว่าผู้ใดเสนอขอมาก่อนมีสิทธิ์ก่อน โดยให้มีการตกลงสรุปผลของการพิจารณาต่ออายุสัญญาฉบับเดิมสิ้นสุดลงไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น และไม่ปฏิเสธการให้ต่ออายุสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร รวมถึงไม่การกระทำหรือพฤติกรรมลักษณะที่เป็นการกีดกัน จำกัดทางเลือกในการให้บริการหรือรับบริการ หรือกำหนดเงื่อนไขในลักษณะที่เป็นการบังคับโดยตรงหรือโดยอ้อมกับลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าโดยเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตต้องยึดถือและปฏิบัติตามประกาศ กกพ. เรื่อง มาตราของสัญญาให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด 

6. โครงสร้างอัตราค่าบริการมีความเป็นธรรม – กรณีมีการขยายระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่การกำหนดโครงสร้างอัตราการให้บริการพลังงานในสัญญาต้องเป็นไปตามราคาตลาด โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลอันสมควร 

7. การผลิตและจัดหาไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอมีมาตรฐาน – ผู้รับใบอนุญาตต้องไม่ระงับ ลด หรือจำกัดการบริการและการจำหน่ายพลังงานให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการโดยไม่มีเหตุอันสมควร ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถจัดหาไฟฟ้ามาจำหน่ายได้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ผู้รับใบอนุญาตจะต้องจัดสรรปริมาณการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าทุกราย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงมาตรฐาน ความปลอดภัยและข้อจำกัดของระบบไฟฟ้าด้วย 

8. การรักษาความลับข้อมูลทางธุรกิจให้กับลูกค้า – ผู้รับใบอนุญาตต้องรักษาความลับของข้อมูลโดยไม่นำข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการไปใช้เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงไม่เปิดเผยรายละเอียดของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของลูกค้าแต่ละรายให้แก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่สัญญาก่อน 

9. การสนับสนุนธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ – ผู้รับใบอนุญาตต้องยึดถือและปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติหน้าที่กรรมการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) ในกรณีที่มีส่วนได้เสียหรือความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่ได้นำเสนอต่อ กกพ. ไว้อย่างเคร่งครัด ตามหนังสือบริษัท โกลบอล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ที่ 10000000/342/61 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2561 

10. การบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่มีการร้องเรียนหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขสัญญา – ในกรณีที่มีเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าหรือผู้รับบริการหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้รับใบอนุญาตมีการกระทำหรือพฤติกรรมที่มีลักษณะเป็นการกีดกันการแข่งขันและส่งผลกระทบต่อการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขัน รวมถึงเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในการให้บริการในกิจการพลังงาน คณะกรรมการอาจมีคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างเพื่อแก้ไขหรือไม่ให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือลด หรือ จำกัดการแข่งขัน และ 

11. ในกรณีที่การกระทำ พฤติกรรม หรือเหตุที่ทำให้เกิดการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการในกิจการพลังงานตามข้อ 10 สิ้นสุดลงแล้ว ผู้รับใบอนุญาตอาจต้องร้องขอให้คณะกรรมการระงับ ยกเว้น หรือปรับปรุงมาตรการเฉพาะใหม่ก็ได้ พร้อมแสดงเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ

อย่างไรก็ตาม กกพ.เห็นว่าการรวมกิจการนี้จะก่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงในการให้บริการแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและบริการของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น เสริมสร้างประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในกระบวนการผลิตไฟฟ้าสูงสุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจรจา JBC พร้อมตั้งคำถาม “คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?” พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา