แผนพีดีพีใหม่ใช้ก๊าซเพิ่ม คาดค่าไฟลดลง

กรุงเทพฯ 17 ธ.ค.- ชาวบ้านไม่แน่ใจ ค่าไฟฟ้าตามแผนพีดีใหม่(ปี 2561-2580
)จะถูกลงเหลือ3.576 บาท/หน่วยหรือไม่
ตามแผนพีดีพีใหม่ที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น จากร้อยละ
37 เป็นร้อยละ 53 ลดการใช้ถ่านหิน เปิด
กฟผ.แข่งขันผลิตไฟฟ้ากับไอพีพี โดยเปิดแข่งขัน ไม่ต่ำกว่า
8,300 เมกะวัตต์


กระทรวงพลังงานจัดรับฟังความคิดเห็นร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยาว 20 ปี( 2561-2580)
ใช้สมมุติฐานจีดีพี จากสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขยายตัวที่ร้อยละ
3.8 โดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า
เมื่อรับฟังความเห็นเสร็จสิ้น จะรวบรวมนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในต้นเดือนมกราคม
2562 โดยแผนนี้ค่าไฟฟ้าจะต่ำกว่าแผนเดิมลดจากปลายแผนที่
5.50
บาท เหลือเฉลี่ย
3.576 บาทต่อหน่วย
เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงถูกลง โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี
โดยปรับเพิ่มการใช้ก๊าซฯจากร้อยละ
37 เป็นร้อยละ 53 ถ่านหินปรับลดลงจากร้อยละ 23 เป็นร้อยละ 12 ซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศลดจากร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 9 พลังงานหมุนเวียนเท่าเดิมที่ร้อยละ 20
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่อยู่ในแผนจากเดิมมีร้อยละ
5 เชื้อเพลิง   อื่น ๆ ลดลงจากร้อยละ 0.1 เหลือร้อยละ 0.06 เพิ่มสัดส่วนการอนุรักษ์พลังงานจากเดิมไม่มีเพิ่มเป็นร้อยละ
6 หรือ 4,000 เมกะวัตต์โดยแผนใหม่
กำลังผลิตไฟฟ้าจะมีรวม
73,211 เมกะวัตต์
โดยจำนวนนี้จะต้องมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่
51,415
เมกะวัตต์

ตามแผนพีดีพีใหม่ จะแบ่งเป็นความมั่นคงรายภาคและ
จะมีโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงตามรายภาค
ส่วนนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)จะเป็นผู้ก่อสร้างคือสามารถผลิตไฟฟ้าป้อนระบบได้ทันทีเมื่อถูกเรียกผลิต
อย่างไรก็ตามตามแผนพีดีพีใหม่ ไม่ได้ระบุว่าจะเป็นสัดส่วนเท่าใด ขณะที่ตามแผนระบุว่ากำลังผลิตใหม่ที่
กฟผ. หรือ ไอพีพีจะก่อสร้างมีรวม
23,196 เมกะวัตต์


ในปี2568
จะต้องมีโรงไฟฟ้าฐาน(ฟอสซิล)เข้าระบบแต่จะเป็นกำลังผลิตเท่าใด จะเป็นส่วนของ
กฟผ.ก่อสร้างหรือเปิดให้ประมูลเป็นไอพีพีแข่งขัน ก็ต้องดูศักยภาพการลงทุนของ
กฟผ.ก่อน แต่หากเปิดประมูลไอพีพีแล้ว ตามกฏหมาย ทาง กฟผ.ก็จะเข้ามาแข่งขันไม่ได้
ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าว

ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า นับจากแผนพีดีพีเสร็จสิ้น
กระทรวงฯจะจัดทำแผนหลักอื่น ๆ ประกอบทั้งแผนก๊าซฯซึ่งคาดว่าจะมีการนำเข้าแอลเอ็นจีมากกว่า
34 ล้านตัน/ปีเมื่อสิ้นปี
2580 ,แผนน้ำมัน,แผนพลังงานทดแทนและแผนอนุรักษ์พลังงานจมีการประหยัดพลังงานเพิ่มอีก
4,000 เมกะวัตต์ และกระทรวงฯจะนำไปปรันแผนแม่บท 5 ปี( ปี 2562-2566) ต่อไป

สำหรับผู้แสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่ไม่แน่ใจว่าค่าไฟฟ้าขายปลีกเฉลี่ย
ตามแผนจะอยู่ที่
3.576 บาท/หน่วย จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ ,แผนไม่กระจายเชื้อเพลิงไฟฟ้า,กำลังผลิตของกฟผ.,
ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ภาครัฐ
ควรมีสัดส่วนผลิตในสาธารณูปโภคพื้นฐานร้อยละ
50 ในพีดีพี ทาง
กฟผ. ก็ควรจะผลิตร้อยละ
50 เป็นต้น, โดย
ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ. ขอให้เพิ่มสัดส่วนการผลิตของ
กฟผ.และมองว่าใกล้เลือกตั้ง ผลของการทำพีดีพีเช่นนี้อาจเอื้อต่อกลุ่มทุนเอกชน ส่วนด้านเอกชนเสนอให้เร่งโครงการรับซื้อพลังงานทดแทนมากขึ้น


นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อดีตกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
ชี้ว่าแผนดังกล่าวอาจคลาดเคลื่อนเพราะขณะนี้ไอพีเอสเข้ามาจำนวนมาก
แผนนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องสำรองไฟฟ้า และพลังงานทดแทน และเรื่องราคาแอลเอ็นจีผันแปรตามราคาน้ำมันดิบ
มีราคาความผันผวนและการนำเข้าแอลเอ็นจีของไทยใน
20 ปีก็จะเพิ่มขึ้นจาก1/3 เป็น 2/3 ของความต้องการก๊าซของประเทศ
ประกอบกับการก่อสร้างท่อก๊าซใหม่ และสายส่งใหม่อีก
400,000-500,000 ล้านบาท ส่วนเหล่านี้จะรวมในค่าไฟฟ้า ดังนั้น อัตราค่าไฟฟ้าตามแผน 3.576 บาท/หน่วยเป็นไปได้ยาก

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
(สนพ.) ชี้แจงว่า ทางกระทรวงฯเชื่อว่าแอลเอ็นจีจะมีการแข่งขันมากขึ้นจากทั่วโลก
จึงใช้ตัวเลขอ้างอิงต้นทุนเฉลี่ยในแผน
244 บาท/ล้านบีทียู ขณะที่พลังงานทดแทนก็จะมีต้นทุนที่ถูกลง
สำหรับแผนพีดีพีใหม่จัดทำเฉพาะแผนที่ผลิตจำหน่ายในระบบ
3
การไฟฟ้า เท่านั้น ไม่ได้รวมเรื่องไฟฟ้าที่ผลิตเองใช้เอง(
IPS) แต่อย่างใด โดยวันที่ 24 เมษายน 2561 ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ(Peak) เพิ่มขึ้นร้อยละ0.6 ที่ 34,317 เมกะวัตต์ ในขณะที่พีกในระบบของ กฟผ.
อยู่ที่
29,968 เมกะวัตต์ ลดลงร้อยละ1.1
โดยกำลังผลิตในระบบของประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 25
61
อยู่ที่
54,617 เมกะวัตต์ เป็นสัดส่วนของ กฟผ.เพียงร้อยละ 27 ที่เหลือเป็นของเอกชนและการนำเข้า

สำหรับแผนพีดีพีฉบับใหม่ คำนึงถึงต้นทุน, สิ่งแวดล้อมและความมั่นคง
โดย
1.ระบบผลิตไฟฟ้าความมั่นคงใน 20 ปีนี้
จะมีกำลังผลิตใหม่
51,415 เมกะวัตต์ แยกเป็นพลังงานหมุนเวียน
20,757 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำสูบกลับ กฟผ. 500 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น1,105 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม(กฟผ./ไอพีพี)
13,156 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,740 เมกะวัตต์,ซื้อไฟต่างประเทศ 5,857 เมกะวัตต์ ,โรงไฟฟ้าหลักแข่งขัน (กฟผ./ไอพีพี) 8,300 เมกะวัตต์ 2.โรงไฟฟ้าตามนโยบายส่งเสริมภาครัฐ
แบ่งออกเป็นโรงไฟฟ้าขยะ
400 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐ
120 เมกะวัตต์ รวม 520 เมกะวัตต์ 3.โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนตามแผนพลังงานทดแทน(AFDP) มีรวม
18,176 เมกะวัตต์ แยกเป็น ชีวมวล3,376 เมกะวัตต์
ก๊าซชีวภาพ
546 เมกะวัตต์ โซลาร์ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ โซลาร์ลอยน้ำ/Hydro 2,725 เมกะวัตต์ พลังงานลม
1,485 เมกะวัตต์  ขยะอุตสาหกรรม
44 เมกะวัตต์

สำหรับแผนพัฒนาโรงไฟฟ้ารายภาค แยกออกเป็นภาคเหนือ
ทางกฟผ.จะผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ
600 เมกะวัตต์ในปี 2569 ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กฟผ.จะผลิตไฟฟ้าโซลาร์ลอยน้ำ เขื่อนสิรินธร
45
เมกะวัตต์ปี 2563 ,เขื่อนอุบลรัตน์ 24 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าก๊าซน้ำพอง 650 เมกะวัตต์,ส่วนโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันที่ให้
ไอพีพีแข่งขัน กับ กฟผ.จำนวน
2 โรงกำลังผลิตโรงละ  700
เมกะวัตต์เข้าระบบในปี 2573และปี 2575 ส่วนการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ ปีละ 700 เมกะวัตต์ ในปี 2569,ปี 2571,ปี 2575,และปี 2578
ส่วนโรงไฟฟ้าภาคตะวันออก จะเป็นโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันระหว่างไอพีพีและกฟผ.แบ่งเป็น
2 โรงได้แก่ 1,000
เมกะวัตต์ ปี 2576 และ700 เมกะวัตต์ในปี 2580

ส่วนภาคตะวันตก จะเป็นโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันระหว่าง ไอพีพีและ
กฟผ.แบ่งเป็น
2 โรง โรงละ 700 เมกะวัตต์ในปี 2566 และปี 2567
,โรงไฟฟ้าในภาคใต้ ประกอบไปด้วยโรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐชายแดนภาคใต้
จำนวนปีละ
60
เมกะวัตต์ในปี 2564และ 25 65  ,โรงไฟฟ้าก๊าซฯสุราษฎร์ธานี
(รองรับกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ล่าช้า) มีกำลังผลิตโรงละ
700
เมกะวัตต์.ในปี 2570 และปี 2572 ,โรงไฟฟ้าหลักแข่งขันระหว่างไอพีพีและกฟผ.1,000
เมกะวัตต์ ปี 2577 และ700 เมกะวัตต์ปี 2578

โรงไฟฟ้าภาคกลางตอนบน จะเป็นโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันไอพีพี/กฟผ. 1,400 เมกะวัตต์ในปี 2575 ,โรงไฟฟ้าเขตนครหลวง
แบ่งเป็น ดำเนินการโดย กฟผ.แยกเป็นพระนครใต้
700
เมกะวัตต์ปี 2569 ,พระนครใต้ 1,400
เมกะวัตต์ ปี 2570 
พระนครเหนือ 700
เมกะวัตต์ ปี 2571 ,พระนครเหนือ 700
เมกะวัตต์ปี 2578 
และโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันระหว่างไอพีพีและกฟผ.700
เมกะวัตต์ปี 2579 –สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย