ดินแดง17ธ.ค.-อธิบดีกรมสวัสดิการฯ เผยพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ให้สิทธิลา เงินชดเชยเลิกจ้างสูงสุด 400 วัน บังคับใช้ ก.พ.ปีหน้า ยันนายจ้างไม่กระทบ
นายวิวัฒน์ ตังหงส์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้พิจารณาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ที่มีเนื้อหาสาระ สำคัญคือ การเพิ่มวันลากิจให้กับลูกจ้าง โดยได้ค่าจ้าง 3 วันต่อปี เพิ่มเงินชดเชยกรณีเลิกจ้าง เป็น 6 อัตราจากเดิม 5 อัตรา คือ ลูกจ้างที่ทำงานมาครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ1 ปี ได้ค่าชดเชย 30 วัน , ลูกจ้างหากทำงานครบ 1 ปีแต่ไม่ครบ 3 ปี ได้ค่าชดเชย 90 วัน , ลูกจ้างทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี จะได้รับเงินชดเชย 180 วัน/ลูกจ้างทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับเงินชดเชย 240 วัน
ลูกจ้างทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้รับเงินชดเชย 300 วัน และลูกจ้างทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 400 วัน และเพิ่มวันลาให้กับลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์ สามารถลาก่อนคลอดและลาคลอดได้ 98 วัน รวมถึงให้สิทธิเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย ลูกจ้างมีสิทธิเท่าเทียมกันในเรื่องค่าจ้าง ค่าตอบแทน ซึ่งกฎหมายเดิมไม่กำหนด เป็นต้น ซึ่งกฎหมายใหม่นี้ ทำให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มกว่า 9.5 ล้านคน โดยคาดว่าจะบังคับใช้ได้ประมาณเดือน กุมภาพันธ์ 2562 นี้
ส่วนประเด็นที่ว่ากฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากนายจ้างหรือไม่ นั้น ขอยืนยันว่าการร่างกฎหมายที่ผ่านมาได้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิด เห็นจากส่วนต่างๆ ทั้งนายจ้างลูกจ้างและรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรับฟังผ่านเวบไซต์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานด้วย รวมถึงการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และสนช.มาตลอด ก่อนที่จะนำ มาสู่ความเห็นชอบและจะบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้
สำหรับประเด็นที่ว่านายจ้างจะแบกรับภาระเพิ่มหรือไม่เพราะกฎหมายเพิ่มเงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง ต้องถามกลับว่า เงินจำนวนสูงสุด 400 วัน กับแรงงานที่มีอายุงาน 20 ปี ขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ที่ต้องถูกเลิกจ้าง ถือว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งการที่มีอายุงานมากขนาดนี้ ก็เพราะลูกจ้าง ทำงานอย่างจงรักภักดีให้กับนายจ้าง ดังนั้น การที่ตอบแทนความภักดี ด้วยเงินชดเชยจากการเลิกจ้างในจำนวนนี้ จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม สำหรับแรงงานที่น้องตกงานในวัยใกล้เกษียณ ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะมีลูกจ้างที่เข้าข่ายอายุงาน 20 ปี ประมาณ 3 แสนคน หรือร้อยละ 3 ของแรงงานทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่รอการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และบังคับใช้ ทางกรมสวัสดิการฯ จะดำเนินการทำความเข้าใจในตัวกฎหมายและข้อบังคับแก่นายจ้างเพื่อให้เตรียมพร้อมและปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดครบถ้วน .-สำนักข่าวไทย