สมุทรสาคร 12 ธ.ค.-ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร รวบหัวโจก 1 ใน 4 รุมทำร้ายร่างกาย ชาย 3 คน หน้าร้านขายของชำ ปมขัดแย้งส่วนตัว ตร.เร่งไล่ล่าอีก 2 คน
พ.ต.อ.จิระวุฒิ ตัณฑศรี ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วยกำลังตำรวจสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ร่วมกันควบคุมตัวนายภูษิต เมฆสวัสดิ์ หรือนายหน่อง อายุ 41 ปี หัวโจกที่สุดใน 4 คนร้าย อีกทั้งยังเป็นพี่ชายของนายเจตน์ เมฆสวัสดิ์ ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และเป็นสามีของหญิงสาวที่นายเจตน์อ้างว่า เป็นพี่สะใภ้ถูกกลุ่มผู้เสียหายใช้วาจาแซวมาเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท ก่อนจะร่วมกันรุมทำร้ายร่างกายนายอริญชย์ สัญญารัตน์ อายุ 41 ปี จนสาหัส, นายแอม อ่างหิรัญ อายุ 38 ปี และนายสมส่วน ส้มแก้ว หน้าร้านของชำ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ภาพในกล้องวงจรปิด ทำให้เห็นว่า นายภูษิต คือคนแรกที่เดินเข้าไปหากลุ่มผู้เสียหายแล้วชักอาวุธปืนออกมาจากในกระเป๋าสะพาย จากนั้นก็ถามหาเพื่อนของผู้เสียหายอีกคนที่ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ก่อนที่พวกที่เหลือจะเข้ามาช่วยกันรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้ง 3 คน โดยการคุมตัวมาสอบสวนครั้งนี้ก็มีอาวุธปืนที่ใช้ในการข่มขู่ผู้อื่นด้วย แต่จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงอาวุธปืนปลอมเท่านั้น
เบื้องต้นนายภูษิต เมฆสวัสดิ์ หรือนายหน่อง เล่าเพียงแค่ว่าตนเองเป็นหนึ่งในสี่คนร้ายที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้ง 3 คนจริง โดยตนเองเป็นคนที่ถืออาวุธปืนปลอมที่เป็นเพียงปืนอัดลมเข้าไปข่มขู่คนที่นั่งอยู่หน้าร้านและตามเข้าไปข่มขู่ในบ้าน ส่วนสาเหตุนั้นนายหน่องยังไม่ยอมพูดถึงให้สื่อมวลชนได้รับทราบ แต่จะขอให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน
ด้าน พ.ต.อ.จิระวุฒิ ตัณฑศรี ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ให้สัมภาษณ์ว่า จากการวางกำลังลงพื้นที่ ที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีไปนั้น ผู้ต้องหาคนที่จับไดเป็นคนที่สองนี้ ก็ถูกจับกุมได้ในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดราชบุรี กับจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งทางผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นปืนปลอม และอาวุธที่ได้มาก็เป็นปืนปลอมจริง แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมีการนำไปตรวจสอบว่า เป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกันกับที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดหรือไม่ ส่วนสาเหตุก็มาจากเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว ขณะที่ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นต้องรอให้การสอบสวนเสร็จสิ้นก่อนและต้องดูถึงความเหมาะสมว่าควรที่จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 คน ทางตำรวจยังคงปูพรมเดินหน้าติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย