fbpx

รมว.ศธ.ลั่นเอาผิดใช้เด็กผีอัพเกรดขนาดโรงเรียนใหญ่

ศธ.27พ.ย.-รมว.ศึกษาฯ ระบุหากพบกรณี ‘เด็กผี’เพื่ออัพเกรดขนาด รร.ใหญ่ขึ้น หวังผลโยกย้ายมีความผิด ขณะที่ต้องทบทวนหลักเกณฑ์ย้ายผู้บริหารสถานศึกษาหรือไม่ ต้องดูภาพใหญ่


นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)เขต 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมาหลังได้รับการร้องเรียนว่าบางโรงเรียนพบรายชื่อนักเรียนเกินเข้ามาในบัญชีชื่อนักเรียนที่มีอยู่จริง โดยพบว่าโรงเรียนขามสะแกแสงได้แจ้งรายชื่อนักเรียนไปที่สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 1,510 คน ตรวจสอบพบมีนักเรียนที่มีตัวตน 1,319 คน และไม่มีตัวตน 196 คน ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่การตรวจสอบเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งเจอก็ยิ่งดี ส่วนที่ก่อนหน้านี้พบโรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดร้อยเอ็ดพบว่ามีเด็กไม่มีตัวตนหรือเด็กผี โดยจังหวัดอุบลราชธานีผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งมีย้ายชื่อนักเรียนข้ามเขตเกินมา  40 คนเพื่ออัพขนาดโรงเรียนจากขนาดเล็กเป็นขนาดกลางเพื่อให้สามารถย้ายไปนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและยังไม่ได้รายงานความคืบหน้า ซึ่งไม่จำเป็นต้องรายงานตลอดให้จัดการไปใครทำผิดก็ว่าไปตามนั้น  


อย่างไรก็ตาม ถ้าการมีชื่อเด็กผีเพื่ออัพขนาดโรงเรียนให้ใหญ่ขึ้น เช่น ที่จ.อุบลราชธานี ถ้าตรวจสอบพบว่ากระทำจริงก็ถือว่ามีความผิด หรือถ้าที่ไหนมาอัพขนาดแบบนี้ก็โดนหมด 


ผู้สื่อข่าวถามว่า การมีชื่อเด็กผีโผล่ในโรงเรียนเพื่ออัพขนาดโรงเรียนใหญ่ขึ้นเพราะตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพฐ.หรือ ว 24/2560 กำหนดให้การย้ายตามขนาด เช่นนี้จะต้องมีการทบทวนหลักเกณฑ์หรือไม่ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า  หลักเกณฑ์ดังกล่าวกำหนดโดยคณะกรรมการการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งจะทบทวนหรือไม่นั้น ตรงนี้ก็ต้องดูไม่ให้กระทบภาพใหญ่ เพราะของดีที่ได้จากกฎดังกล่าวก็มี ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นปัญหาฟ้องร้องกันไปมา หรือหากจะมีการทบทวนจริง ก็ต้องไม่ทำในช่วงที่มีการโยกย้าย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย