พาณิชย์ชี้คุณภาพข้าวดีดันราคาสูงขึ้นได้จริง

นนทบุรี 11 พ.ย. – รัฐมนตรีพาณิชย์และผู้ส่งออกข้าวไทยมั่นใจศักยภาพข้าวไทย หากดูแลคุณภาพทุกขั้นตอนดีราคาข้าวไทยสูงขึ้นได้จริงอาจเกินกว่า 20,000 บาทต่อตัน แนะทุกฝ่ายต้องร่วมมือจริงจัง 


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ต่อการดูแลข้าวไทยจะเน้นเรื่องคุณภาพข้าวไทยทุกขั้นตอนตั้งแต่หาพันธุ์ข้าว เพาะปลูกข้าว ตลอดจนส่งออกข้าวไปตลาดโลกอย่างมีคุณภาพสูง เพราะเชื่อว่าหลายประเทศทั่วโลกยอมสู้ราคาข้าวไทย แม้จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ โดยข้าวเปลือกหอมมะลิตอนนี้เฉลี่ย 17,000-18,000 บาทต่อตัน และเชื่อว่าหากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงเกษตรกรใส่ใจดูแลกันอย่างจริงจังโอกาสที่ข้าวเปลือกหอมมะลิไทยจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 บาทต่อตันได้ในอนาคตอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้หลายประเทศที่ปลูกข้าวจะหันมาส่งออกข้าวและแย่งตลาดข้าวไทยบ้าง แต่ในอนาคตจะแข่งขันด้านคุณภาพและปรับปรุงด้านขนส่งสินค้าทั้งระบบแบบครบวงจร เพราะการนำระบบไอทีมาใช้ในการขนส่งสินค้าจะครอบคลุมทั่วโลกและรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น ถ้าดูศักยภาพของไทยต่อการเป็นศูนย์กลางด้านไอทีโดยผ่านการเชื่อมโยงบิ๊กดาต้าที่ไทยพัฒนา เชื่อว่าจะทำให้การบริหารและจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ เป้าหมายสำคัญในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด จากเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวที่เน้นแต่ปริมาณแต่ละปีต้องส่งออกข้าวมาก ๆ มาเป็นประเทศที่ส่งออกในอัตราที่เหมาะสมเฉลี่ย 9-10 ล้านต้น แต่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มข้าวไทยทุกประเภทให้สูงขึ้นแทน โดยรัฐบาลพยายามส่งเสริมลดพื้นที่เพาะปลูกข้าว แต่ให้เกษตรกรหันมาผสมผสานปลูกพืชอื่นทดแทน จะเห็นว่าช่วงแรกที่เกษตรกรยังไม่เข้าใจว่าลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวหันจะทำอะไร ประกอบกับรายได้จะไม่พอเลี้ยงครอบครัว ซึ่งในวันนี้สามารถพูดได้ว่าการจำกัดปริมาณเพาะปลูกข้าวไม่ให้เกินกว่า 33 ล้านตันข้าวเปลือกต่อปี น่าจะทำให้สร้างรายได้ของมูลค่าข้าวในตลาดโลกสูงขึ้นส่งผลให้เกษตรกรขายข้าวเปลือกในประเทศสูงขึ้น 

ทั้งนี้ เฉลี่ยข้าวขาวจาก 6,000-6,500 บาท เพิ่มเป็น 7,000-8,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิจากเดิม 15,000-16,000 บาท ขณะนี้ 17,000-18,000 บาทต่อตัน เนื่องจากข้าวไทยมีคุณภาพสูงกว่าประเทศที่ส่งออกข้าวด้วยกันและปีนี้หลายประเทศผู้ผลิตข้าวได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทำให้เกิดความต้องการข้าวสูงส่งผลให้ราคาขยับขึ้น จึงเป็นไปได้ในอนาคตหากไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะต้องเน้นข้าวไทยให้มีคุณภาพสูงโดยไม่เน้นปริมาณข้าวมากจนเกินไปและขณะนี้ ภาคเอกชนไทยหลายรายหันมาแปรรูปข้าวไทยในเชิงอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น ถือว่าใช้ปริมาณข้าวไม่มาก แต่สร้างมูลค่าเพิ่มในกลุ่มสินค้าแปรรูปด้านต่าง ๆ แทน ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องและภาครัฐพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่


ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การรักษาคุณภาพข้าวไทยเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรจะต้องร่วมมือกัน เพื่อให้ข้าวไทยมีคุณภาพสูงขึ้น ซึ่งเวลานี้ ประเทศผู้ผลิตข้าวมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวใกล้เคียงกับไทยทั้งรสชาติและคุณภาพ โดยจะต่างกันตรงราคายังถือว่าต่ำกว่าไทยพอสมควร หากเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องเกรงว่าจะเป็นทางเลือกลูกค้าหันไปสั่งซื้อข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านแทนนำเข้าข้าวไทยได้ในอนาคต แม้จะมีบางประเทศยอมสู้ราคาข้าวไทยที่แพงได้ แต่ในประเทศเหล่านี้จะลดปริมาณซื้อข้าวไทยในกลุ่มราคาแพงไม่มากแล้วหันซื้อข้าวที่มีคุณภาพใกล้เคียงข้าวไทยในจำนวนมากแทน จึงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้กันมากขึ้น

“ในช่วง 10 ปีที่แล้ว เริ่มจากการขายข้าวขาวเพียงชนิดเดียว แต่วันนี้เริ่มมีข้าวหลายชนิด ทั้งหอมมะลิ ข้าวเหนียว และข้าวขาวพันธุ์พื้นนิ่ม ราคาแตกต่างกันสามารถเพิ่มทางเลือก และยังตอบสนองความต้องการของประเทศผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของไทยยังคงขายข้าวหอมมะลิและข้าวขาวพันธุ์พื้นแข็งที่ทำข้าวนึ่งเหมือนเดิม รวมทั้งราคาข้าวขาวเวียดนามก็แพงกว่าไทยประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยปีนี้ราคาขายข้าวเฉลี่ยของเวียดนามอยู่ที่ 530 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่ข้าวไทยปีนี้ประมาณ 505 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเท่านั้น แม้ราคาหอมมะลิจะสูงถึง 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่ปริมาณส่งออกน้อย ทำให้ราคาส่งออกเฉลี่ยยังต่ำกว่าเวียดนาม ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหารือกันอย่างจริงจัง โดยต้องเร่งหาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ หรือเปิดตลาดใหม่ เพื่อแข่งขันกับเวียดนาม” ร.ต.ท.เจริญ กล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลควรเข้ามาสนับสนุนทดลองและหาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค เพราะที่ผ่านมาชาวนาไม่รู้ความต้องการของตลาด ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจกับเกษตรกรว่าสิ่งที่ผลิตจะต้องเป็นความต้องการของตลาดด้วย รวมถึงอีกปัจจัยสำคัญ คือ การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ที่ไทยยังต้นทุนสูง แต่กลับได้ผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าเกือบทุกประเทศ เพื่อให้ไทยยังคงเป็นผู้นำตลาดค้าข้าวในช่วงที่ตลาดโลกมีการแข่งขันกันสูงขึ้น เพราะแต่ละประเทศมีการนำเข้าข้าวน้อยลง เนื่องจากต้องการความมั่นคงทางอาหาร จึงหันมาปลูกเองจนหลายประเทศขยับขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกข้าวแทนการนำเข้า เห็นได้ชัดเจนจากประเทศจีนที่ขณะนี้มีสตอกข้าวสูงถึง 113 ล้านตัน จากปกติจะเก็บสตอกเพียง 40 ล้านตัน จึงมีการนำไปทำข้าวนึ่ง ส่งออกไปยังตลาดแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดข้าวนึ่งสำคัญของไทย แต่ราคาถูกกว่าประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน  

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นประเด็นท้าทาย ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะจำนวนสตอกข้าวของจีนที่มีอยู่สูงมากนั้น หากมีการเทขายออกมา เชื่อว่าจะกระทบต่อตลาดข้าวทั่วทั้งโลกแน่นอน รวมถึงกรณีที่ประเทศผู้นำเข้าหลายประเทศเริ่มใช้มาตรการสารเคมีตกค้างในข้าวที่เข้มงวดมากขึ้น หรือใช้มาตรฐานที่สูงกว่า มาตรฐานการใช้วัตถุเจือปนอาหาร หรือ มาตราฐานโคเด็กซ์ (Codex) ของคณะกรรมาธิการอาหารระหว่างประเทศ โดยอ้างความปลอดภัยของผู้บริโภค เพื่อเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า จึงอยากให้รัฐบาลเร่งวางแผนและกระตุ้นให้เกษตรกรใช้สารเคมีอย่างจำกัด และกำหนดระยะเวลาที่ใช้ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาล่วงหน้าไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วค่อยมาแก้ เพราะจะส่งผลต่อชื่อเสียงข้าวไทยระยะยาว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นักธุรกิจสาวแจ้งความทนายดัง “ฉ้อโกง” ฮุบเงิน 71 ล้าน

นักธุรกิจสาว อดีตลูกความทนายดัง แจ้งความถูกทนายดังฉ้อโกง ฮุบเงิน 71 ล้านบาท เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม “หวยออนไลน์”

สาวแจ้งความภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ

หญิงสาวแจ้งความภรรยาอดีตตำรวจยศนายพล แอบกิ๊กสามี แถมย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ มูลค่าหลายล้านบาท ด้านตำรวจเรียกผู้เสียหายสอบเพิ่ม พร้อมเก็บภาพวงจรปิดตรวจสอบแล้ว

“ทนายบอสพอล” มองยึดมือถือ พนง.ดิไอคอน เกินเส้นกฎหมาย

“ทนายบอสพอล” พาพนักงานดิไอคอน ลงบันทึกประจำวัน หลังตำรวจบุกค้น 11 จุด และยึดมือถือ มองว่าทำเกินกว่ากฎหมาย พร้อมฝากถึงศาลยุติธรรมในการออกหมายจับรอบ 2 เป็นห่วงสิทธิของทุกฝ่าย

ข่าวแนะนำ

ครบ 20 ปี เหตุจลาจลคดีตากใบ จำเลยยังล่องหน

วันนี้ครบรอบ 20 ปี เหตุจลาจลหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และยังเป็นวันที่คดีหมดอายุความ ในขณะที่การติดตามจับกุมตัวจำเลยยังไร้วี่แวว พาไปย้อนรอยเหตุการณ์และมุมมองของนักวิชาการต่อคดีนี้

รวบ “นัตตี้ ไดอารี่” ยูทูบเบอร์หลอกเทรดหุ้นฟอเร็กซ์

ตำรวจร่วมกับดีเอสไอ แถลงรับตัว “นัตตี้ ไดอารี่” กับแม่ ผู้ต้องหาหลอกเทรดหุ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท หลังหลบหนีไปอินโดนีเซีย และถูกตำรวจอินโดฯ จับกุม จากนี้ส่งตัวให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อ