นนทบุรี 5 พ.ย. – พาณิชย์มั่นใจหลายมาตรการแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำได้ ย้ำยึดปาล์มดิบบางพื้นที่ต้องการไม่ให้ปาล์มเสื่อมกลับมาในระบบอีก
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ระบุข้อร้องเรียนจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มในประเด็นราคาปาล์มตกต่ำและมีทหารยึดปาล์มดิบที่นำไปขายลานรับซื้อปาล์มจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระทรวงพาณิชย์ขอชี้แจงว่ากรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม โดยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาเป็นลำดับ อาทิ การหาตลาดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเพื่อระบายผลผลิตส่วนเกินในประเทศ พิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือด้านราคาปุ๋ย เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ด่านสำคัญในภาคใต้ ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบและจับกุมการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 และมีมติให้เสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาข้อเรียกร้องของเกษตรกรจังหวัดกระบี่ในประเด็นการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 บี 20 การใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตกระแสไฟฟ้าและปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 และมีมติให้เร่งแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทันต่อเหตุการณ์ จึงอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เป้าหมายการใช้น้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตันต่อปี เพื่อปรับสมดุลสตอกน้ำมันปาล์มให้เข้าสู่ระดับปกติโดยเร็ว โดยรัฐสนับสนุนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากวงเงินงบกลาง 525 ล้านบาท เสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป ทั้งนี้ เป็นมาตรการเพิ่มจากมาตรการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มที่คณะกรรมการมีมติไว้แล้ว และให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทั้งการประกาศมาตรฐานน้ำมันและการเพิ่มหัวจ่ายในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเป็นทางเลือกของประชาชน รวมทั้งมอบหน่วยงานรับผิดชอบร่วมกับฝ่ายความมั่นคงเร่งรัดปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม ซึ่งเกษตรกรสามารถช่วยเหลือภาครัฐโดยร่วมสอดส่องและชี้เป้าผู้กระทำผิดด้วยอีกทางหนึ่ง
สำหรับประเด็นข้อร้องเรียนเรื่องทหารยึดปาล์มดิบของเกษตรกรที่ลานเทรับซื้อ ข้อเท็จจริงปรากฏว่ามาตรการดังกล่าวเป็นนโยบายขับเคลื่อนปาล์มน้ำมันคุณภาพของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติที่ประชุมร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและดำเนินการเฉพาะปาล์มที่ไม่ได้คุณภาพตามข้อตกลงที่ซื้อขาย ณ โรงงานสกัดเท่านั้น ซึ่งปาล์มที่ไม่ได้คุณภาพจะนำไปแปรสภาพเป็นปุ๋ยแล้วจ่ายคืนให้แก่เจ้าของปาล์มต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้ปาล์มดิบหรือปาล์มที่ไม่ได้คุณภาพเข้ามาในระบบการซื้อขายอีก ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้อัตราการสกัดน้ำมันของโรงสกัดน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานีสูงขึ้นมากกว่า 18% ราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.30-3.60 บาท เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากระบบเดิมประมาณตันละ 200-300 บาท อย่างไรก็ตาม ได้มีตัวแทนของสมาคมลานเทเสนอขอให้ชะลอการใช้มาตรการออกไประยะหนึ่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการลานเทปรับตัว.-สำนักข่าวไทย