พิพากษายืน จำคุก 10 เดือน “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม”

กทม. 18 ต.ค. – ศาลฎีกานักการเมือง พิพากษายืนในคดีที่นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดคมนาคม ยื่นอุทธรณ์คดีที่ถูก ป.ป.ช. ฟ้อง จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ โดยให้จำคุกนายสุพจน์ 10 เดือน พร้อมห้ามดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ 5 ปี





องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษาคดีที่นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ยื่นขออุทธรณ์ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่า จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและแจ้งบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยนายสุพจน์ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล อ้างว่า ให้พิจารณาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 105 วรรค 3 ที่บัญญัติว่า ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินหลังพ้นตำแหน่งเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่กฎหมายบังคับใช้ในระหว่างการกระทำผิด แต่ศาลเห็นว่า แม้กฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2561 มาตรา 3 จะให้ยกเลิกกฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2542 แต่มาตรา 188 บัญญัติว่า ในกรณีที่ ป.ป.ช. มีมติว่า จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิด ก่อนที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะบังคับใช้ ก็ให้ใช้บังคับได้ กับกรณีที่มีการยื่นเรื่องก่อนกฎหมายใหม่จะใช้บังคับ จึงถือว่า กฎหมายเดิมมีผลบังคับใช้อยู่ 


ส่วนกรณีที่นายสุพจน์ ได้ยื่นขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอลงอาญานั้น ศาลเห็นว่า นายสุพจน์เป็นข้าราชการระดับสูง แต่มากระทำผิด จึงถือว่า ไม่มีเหตุผลในการรอการลงโทษ เสียงข้างมากจึงมีความเห็นให้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เหมาะสมแล้ว 

การฟังคำพิพากษาในวันนี้ นายสุพจน์ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว และการที่คณะอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลฎีกา นายสุพจน์จะต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 10 เดือน และห้ามดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเวลา 5 ปี โดยหลังฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น ครอบครัวของนายสุพจน์ต่างร่ำไห้ และเข้าสวมกอดนายสุพจน์ ซึ่งนายสุพจน์ก็น้ำตานองหน้าและปลอบบุตรสาวว่า ไม่เป็นไร แค่ 10 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ก็ได้ควบคุมตัวนายสุพจน์ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที โดยนายสุพจน์มีอาการป่วย จึงได้ใช้รถพยาบาลนำตัวไปส่ง

สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีคนร้ายเข้าไปปล้นทรัพย์ในบ้านของนายสุพจน์ย่านลาดพร้าว ในวันที่นายสุพจน์ไปร่วมงานแต่งงานของบุตรสาว ซึ่งคนร้ายถูกจับกุม พร้อมเงินสด มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท และให้การพาดพิงว่า ยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเงินของกลางและเงินที่เหลือ นายสุพจน์ไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินดังกล่าวในชั้นศาลได้ .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง