ทำเนียบฯ 17 ต.ค.- นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 12 ที่ เบลเยียม 18-20 ต.ค. นี้ เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ต่อเวทีโลก และทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศ ประกาศความพร้อมที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย -ยุโรป (ASEM Summit) ครั้งที่12 ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2561 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งถือเป็นการประชุมระหว่างภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผลลัพธ์จากการประชุมจะครอบคลุมถึงการพัฒนา และแนวทางเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่มีผลในระดับโลก
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ให้ความสำคัญกับประเด็นความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในระดับโลก จึงได้กำหนดการประชุมเต็มคณะไว้ถึง 2 วาระ คือ วาระแรก การสร้างความเจริญเติบโตอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในระดับพหุภาคี และการเป็นหุ้นส่วนของ ASEM ที่มีความต่อเนื่อง มุ่งสร้างความเชื่อมโยง เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ รวมถึง การพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า วาระที่ 2 มุ่งไปความท้าทายระดับโลก ทั้งเรื่องของความมั่นคง การป้องกันการแพร่หลายของอาวุธ เสรีภาพความมั่นคงทางไซเบอร์ การต่อต้านการก่อการร้าย การโยกย้ายถิ่นฐานที่ไม่ปกติ และความมั่นคงทางทะเล ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อผลักดันการปกป้องสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการเติบโต ที่จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
“สาระสำคัญที่ไทยเน้นผ่านเวทีสัมมนาคือ การส่งเสริมการเรียนรู้ และถอดบทเรียน เพื่อหาแนวปฏิบัติที่ดีจากประเทศ ASEM ในเรื่องแนวพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การส่งเสริมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ทั้ง 2 ภูมิภาค เราไม่ได้มองประเด็นเฉพาะอาเซียนอย่างเดียว เพราะเรากำลังจะมีความร่วมมือระดับโลกในสหภาพยุโรป (EU) เพื่อรองรับในความพร้อมให้กับประเทศต่างๆ ที่อยู่ใน 2 ภูมิภาค ให้มีความสามารถเพียงพอ รับมือในประเด็นต่างๆ” พล.ท วีรชน กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในการประชุมผู้นำเอเชีย -ยุโรป ครั้งที่12 นี้ ยังมีเวทีการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป – อาเซียน (EU – ASEAN Leaders’ Meeting) เพื่อติดตามความคืบหน้า และหารือในประเด็นความร่วมมือของอาเซียนและยุโรป ตลอดจนการยืนยันความสัมพันธ์ในลักษณะของความเป็นหุ้นส่วนของ 2 ภูมิภาค ซึ่งไทยจะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมความร่วมมือของอาเซียนและยุโรป ในฐานะการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ปี 2562
ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมผู้นำเอเชีย -ยุโรป นายกรัฐมนตรียังมีภารกิจสำคัญ ที่จะพบหารือทวิภาคีกับผู้นำจากหลายประเทศ ทั้งจากยุโรปและเอเชีย ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ไทยได้ย้ำถึงถึงศักยภาพในด้านต่างๆ รวมถึง ยกระดับความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ และยืนยันเจตนารมณ์ของไทย ที่จะเป็นส่วนสำคัญ เพื่อสร้างการพัฒนาในเวทีระหว่างประเทศอีกด้วย .- สำนักข่าวไทย
