ระยอง 15 ต.ค.-เด็กชายวัย 14 ปี ปั่นจักรยานหนีออกจากบ้านย่านปทุมธานี เพื่อไปอยู่กับแม่ที่ จ.ระยอง โดยปั่นมาถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ก่อนแม่ให้แท็กซี่ที่รู้จักมารับ พบตามตัวเด็กเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น บางจุดยังมีเลือดไหลซึม ระบุถูกแม่เลี้ยงทำร้ายมานานร่วม 7 ปี
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านในบ้านเขาครอก หมู่ 6 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พบน้องโอม เด็กชายวัย 14 ปี ที่ปั่นจักรยานหนีออกมาจากบ้านย่านปทุมธานี เพื่อมาอาศัยอยู่กับแม่ที่ จ.ระยอง โดยระบุทนกับการทำร้ายร่างกายสารพัดของแม่เลี้ยงที่ยาวนานถึง 7 ปี ไม่ไหว เมื่อน้องโอม ถอดเสื้อออกให้ดู พบตามร่างกายของน้องเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น และยังมีบาดแผลที่ถูกทำร้ายใหม่ๆ บางจุดยังมีเลือดไหลซึม
น้องโอม เล่าว่า ถูกแม่เลี้ยงวัย 30 ปีเศษ ทำร้ายร่างกายทุบตีสารพัดมานานร่วม 7 ปี มีทั้งใช้เตารีดที่ร้อนๆ นาบแขน ใช้คีมหนีบนิ้วเท้า และคีมหนีบริมฝีปาก ใช้ของแข็งทุบตีศีรษะจนแตกเลือดอาบ อีกทั้งถูกแม่เลี้ยงบีบคอจนสลบ ซึ่งการกระทำของแม่เลี้ยงโหดทุกครั้ง พ่อแท้ๆ และปู่ย่า รู้เรื่องมาตลอดแต่ไม่เคยห้ามปรามหรือช่วยเหลือ ปล่อยให้แม่เลี้ยงทำร้ายทุบตีมาอย่างต่อเนื่อง
ก่อนตัดสินใจหนีออกจากบ้านมา ถูกแม่เลี้ยงใช้สันไม้บรรทัดเหล็กสับบริเวณต้นแขนซ้ายจนเป็นแผลนับไม่ถ้วน และสั่งให้ทำความสะอาดบ้าน ขู่ว่าหากทำไม่สะอาดจะทำโทษหนักกว่านี้ จึงอาศัยช่วงที่แม่เลี้ยงออกจากบ้านไป ขี่จักรยานคู่ชีพที่ใช้ไปโรงเรียนทุกวัน ปั่นไปถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนที่จะส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากแม่ จากนั้นแม่จึงให้รถแท็กซี่ที่รู้จักรับตัวมาส่งที่บ้านพัก
ด้านผู้เป็นแม่เล่าว่า แยกทางกับสามีซึ่งรับราชการเป็นทหารเรือมานานร่วม 10 ปีแล้ว โดยมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นหญิง 1 คน และชาย 1 คน และลูกทั้งสองอยู่กับพ่อ ก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลูกสาวชื่อน้องไอซ์ ก็ถูกแม่เลี้ยงรายนี้ทุบตีทำร้ายจนทนไม่ได้หนีมาอยู่กับตน เมื่อพบหน้าลูกชายและถอดเสื้อผ้าออกมาพบเห็นบาดแผลเต็มตามร่างกาย ตนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว กอดลูกร้องไห้โฮทันที และไม่เชื่อว่าพ่อแท้ของลูกจะปล่อยให้แม่เลี้ยงมาทำร้ายรังแกลูกในไส้ของตัวได้ถึงขนาดนี้ พร้อมยืนยันจะอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ล่าสุด มีหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายอำเภอบ้านฉาง บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง ยื่นมือเข้าดูแลและให้ความช่วยเหลือกับเด็กชายรายนี้แล้ว และมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯ ยื่นมือเข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิไปรับสองแม่ลูก เพื่อนำตัวไปแจ้งความดำเนินคดีกับแม่เลี้ยงและผู้รู้เห็นในการกระทำต่อไป.-สำนักข่าวไทย