คลินิกร้อยไหม ย่านวังทองหลาง ผิดเต็มๆ ฐานลักลอบเปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต

กรม สบส.12 ต.ค.-กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคลินิกที่ให้บริการเสริมความงาม ย่านวังทองหลาง หลังเกิดเหตุผู้รับบริการเสียชีวิตระหว่างการร้อยไหม เบื้องต้นพบผิดเต็มๆ ฐานลักลอบเปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษทั้งจำทั้งปรับ พร้อมส่งเรื่องให้แพทยสภาดำเนินการกับแพทย์


นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหญิงวัย 72 ปี เข้ารับบริการเสริมความงามโดยวิธีร้อยไหม กับคลินิกเสริมความงามย่านวังทองหลาง และเสียชีวิตในคลินิกดังกล่าวว่า กรม สบส. ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) และกองกฎหมาย ตรวจสอบคลินิกดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในเขตวังทองหลาง โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นของพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ พบว่าคลินิกดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกรม สบส.  จึงเข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานเปิดสถานพยาบาลโดยมิได้รับอนุญาต มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนแพทย์ผู้ให้บริการนั้นจะส่งเรื่องให้แพทยสภาดำเนินการ

นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า ขอเน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนพิจารณาอย่างรอบด้านก่อนรับบริการทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจรักษาโรคทั่วไปหรือเสริมความงามจะต้องรับบริการจากสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ห้ามรับบริการในร้านเสริมสวย, คอนโดมิเนียม หรือเรียกหมอกระเป๋ามาให้บริการถึงที่พัก เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อร่างกาย และชีวิตของผู้รับบริการเป็นอย่างมาก ทั้งจากผู้ให้บริการที่อาจจะเป็นหมอเถื่อน หรือจากสารเสริมความงามที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และอาจเกิดการติดเชื้อจากเครื่องมือไม่สะอาด และหากสารที่ฉีดรั่วไหลเข้าไปในกระแสเลือด หรือผู้รับบริการมีอาการแพ้อย่างรุนแรงก็อาจจะเสียชีวิตได้ 


ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการ สพรศ. กล่าวว่า ก่อนตัดสินใจรับบริการจากสถานพยาบาล ขอให้ประชาชนตรวจสอบหลักฐานสำคัญ 4 ประการ ซึ่งประกอบด้วย 1.ป้ายชื่อคลินิกต้องแสดงเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก 2.มีการแสดงใบอนุญาตเปิดกิจการคลินิก 3.มีการแสดงหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมคลินิกที่เป็นปีปัจจุบัน 4.มีการแสดงหลักฐานของแพทย์ที่ให้บริการในคลินิก ทั้งชื่อ-นามสกุล และภาพถ่ายติดที่หน้าห้องตรวจ และเพื่อความมั่นใจให้ตรวจสอบชื่อคลินิกที่เว็บไซต์สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรม สบส. (www.mrd-hss.moph.go.th) และตรวจสอบชื่อแพทย์ที่เว็บไซต์แพทยสภา (www.tmc.or.th) หากไม่พบรายชื่อหรือหลักฐานไม่ครบถ้วนไม่ควรรับบริการโดยเด็ดขาด หากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ให้แจ้งได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรม สบส. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 ในวันและเวลาราชการ แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

“อ.แจ็คพันศพ” ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะเผาศพ

“อาจารย์แจ็คพันศพ” สัปเหร่อและหมอผีชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะวางดอกไม้จันทน์เผาศพ ไฟลวกทั่วร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาล  เจ้าตัวงง! เผาศพมาเป็นพัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งไทใหญ่ 999

กรณีแก๊งไทใหญ่ 999 ไล่ฟันหนุ่มกะเหรี่ยง ย่านห้วยขวาง ตำรวจยอมรับมีกลุ่มต่างด้าวกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ เร่งพิสูจน์รวมแก๊งลักษณะอั้งยี่-ซ่องโจร หรือไม่ พร้อมลั่นดำเนินคดีไม่ละเว้น

ผู้การอยุธยา สั่งสอบ ตร. เก็บส่วยร้านอาหาร

แฉคลิปเสียงชายอ้างเป็นตำรวจ เรียกเก็บเงินรายเดือนจากร้านอาหาร พอปฏิเสธถูกลงตรวจถี่ยิบ ล่าสุด ผู้การฯ อยุธยา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด่วน

ปิด “จุดชมวิวภูชี้ฟ้า” ชั่วคราว เหตุเสียงปืนดังข้ามแดน-กระสุนตกใส่หลังคาบ้าน

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ชายแดนไทย-สปป ลาว อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเสียงปืนดังข้ามแดน และพบกระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชน

กทม.พาสื่อดูซากตึก สตง. คาดอีก 2-3 วัน ภารกิจเสร็จสิ้น

กทม.พาสื่อลงพื้นที่ดูซากตึก สตง. ขณะนี้เคลียร์ถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดสุดท้าย คาดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายและรื้อซากจะเสร็จสิ้นในอีก 2-3 วัน