สินค้า 3 กลุ่มมีโอกาสส่งออกเพิ่ม

นนทบุรี 12 ต.ค. – พาณิชย์เผยสินค้า 3 กลุ่มของไทยมีโอกาสส่งออกเพิ่ม หลังคู่แข่งถูกใช้มาตรการ AD/CVD/SG 



นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ทำการสำรวจสถานการณ์การใช้มาตรการทางการค้าของประเทศต่าง ๆ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) และมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น ( SG) ตามนโยบายของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้ติดตามการใช้มาตรการทางการค้าของประเทศต่าง ๆ ว่าจะส่งผลดี ผลเสียต่อไทยอย่างไร เพื่อวางแผนรับมือหรือใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพบว่ามีสินค้า 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเหล็กและอลูมิเนียม กลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มอาหารทะเลสดแช่เย็น/แช่แข็ง ที่ประเทศนำเข้ารายสำคัญใช้มาตรการกับประเทศผู้ส่งออก แต่ไทยมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น จากการส่งออกสินค้าเข้าไปแทนคู่แข่งในตลาดที่มีการใช้มาตรการ 


สำหรับสินค้ากลุ่มเหล็กและอลูมิเนียม ประเทศผู้นำเข้าเหล็กที่สำคัญ เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) ออสเตรเลีย ได้มีมาตรการ AD/CVD/SG กับสินค้ากลุ่มเหล็กกับประเทศคู่แข่งของไทยจำนวนมาก แต่ไทยไม่ถูกใช้มาตรการ หรือได้รับยกเว้นจากการถูกใช้มาตรการ เช่น ออสเตรเลียใช้มาตรการ AD/CVD กับสินค้าเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นเคลือบอะลูมิเนียมสังกะสี จาก จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม และอินเดีย, ออสเตรเลีย สหรัฐ แคนาดา ใช้มาตรการ AD/CVD กับสินค้าอลูมิเนียมเส้นหน้าตัด จากจีน เวียดนาม และมาเลเซีย และอียูเรียกเก็บอากรปกป้อง (ชั่วคราว) กับสินค้ากลุ่มเหล็ก 28 กลุ่มสินค้ากับทุกประเทศ โดยไทยได้รับการยกเว้น  ทั้งนี้ สินค้าเหล็กและอลูมิเนียม เป็นสินค้าสำคัญที่ใช้เป็นส่วนประกอบของรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ปัจจุบันประเทศผู้นำเข้าหลักยังไม่มีการใช้มาตรการ AD/SG กับสินค้าของไทย ทำให้ไทยมีโอกาสที่จะขยายตลาดส่งออกสินค้าเหล่านี้ได้ โดยไทยจะต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้ชั้นคุณภาพที่มีมาตรฐานตรงความต้องการของประเทศปลายทาง


ส่วนกลุ่มเคมีภัณฑ์ จีนใช้มาตรการ AD กับสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ 20 รายการ เช่น Polyformaldehyde copolymer, Vinylidene Chloride, Acetone และ Perchlorethylene เป็นต้น จาก ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐ และอินเดีย ใช้มาตรการ AD กับสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ 48 รายการ เช่น Linear Alkyl Benzene, O-Acid, Ofloxacin, Resorcinol, Dimethylacetamide และ Methyl Ethyl Ketone or MEK เป็นต้น จากจีน ขณะที่กลุ่มอาหารทะเลสดแช่เย็น/แช่แข็ง สหรัฐใช้มาตรการ AD กับสินค้าเนื้อปลาแช่แข็ง จากเวียดนาม ในอัตราร้อยละ 63.88 ของราคา CIF โดยไทยไม่ถูกใช้มาตรการ และยังใช้มาตรการ AD กับสินค้ากุ้งแช่แข็ง จากจีน อินเดีย บราซิล และเวียดนาม ในอัตราร้อยละ 112.81, 110.90, 67.80 และ 25.76 ของราคา CIF ตามลำดับ ขณะที่ไทยถูกเรียกเก็บอากร AD ในอัตราร้อยละ 5.34 ของราคา CIF

สำหรับการใช้มาตรการ 232 ในการขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมของกลุ่มสินค้าเหล็กร้อยละ 25 และกลุ่มสินค้าอลูมิเนียม ร้อยละ 10 ของสหรัฐ และทำให้มีการตอบโต้การใช้มาตรการดังกล่าวจากหลายประเทศ เช่น การเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการ SG สินค้าเหล็กของอียู ตุรกี และกลุ่ม Eurasian Economic Union ได้แก่ อาร์เมเนีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และรัสเซีย แต่ไทยยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการใช้มาตรการดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีสัดส่วนการนำเข้าเหล็กจากไทยไม่เกินร้อยละ 3 ของปริมาณนำเข้าทั้งหมด จึงทำให้ไทยได้รับการยกเว้นการใช้มาตรการ SG

ส่วนผลกระทบจากการที่สหรัฐใช้มาตรการ 232 ทำให้สินค้าเหล็กและอลูมิเนียมที่จีนส่งไปสหรัฐไม่ได้ ไหลเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งไทย ซึ่งกรมฯ ได้มีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและหากผู้ผลิตในไทยได้รับความเสียหายสามารถที่จะขอให้เปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการเยียวยาทางการค้าได้ และยังได้มีการประสานกับศุลกากรสหรัฐ เพื่อติดตามการแอบอ้างแหล่งกำเนิดเป็นสินค้าไทย เพื่อส่งออกไปสหรัฐด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในอนาคต 

สำหรับในช่วง 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) มีสถิติที่ต่างประเทศใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับสินค้าของไทย โดยใช้มาตรการ AD 10 รายการเป็นกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์ 7 รายการ และกลุ่มเหล็ก 3 รายการ จาก 8 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐ บราซิล เกาหลีใต้ จีน และปากีสถาน ใช้มาตรการ SG 2 รายการ จากประเทศสหรัฐ  ขณะที่ไทยใช้มาตรการ AD กับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศรวม 13 รายการ กลุ่มสินค้าที่ถูกใช้มาตรการมากที่สุด คือ สินค้ากลุ่มเหล็ก 12 รายการ และสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ 1 รายการ จาก 20 ประเทศ โดยประเทศที่ถูกใช้มาตรการมากที่สุด คือ จีน 12 รายการ รองลงมา คือ เกาหลีใต้ 6 รายการ และมีการใช้มาตรการ SG กับสินค้านำเข้า 3 รายการ ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน  เหล็กแผ่นรีดร้อนไม่เจือชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนเจืออัลลอยหน้าตัดรูปตัว H เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่