fbpx

เผย 7 เดือน ใช้สิทธิ์ FTA -GSP ลดลงร้อยละ 1.05

นนทบุรี 19 ก.ย. – ยอดใช้สิทธิ์ FTA – GSP  7 เดือนปี 62 มีมูลค่า 4.21 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อาเซียนนำโด่งสูงสุด แนะใช้สิทธิ์ FTA อาเซียน-จีน ทดแทนสินค้าสหรัฐ ตลาดจีนที่ถูกขึ้นภาษี ส่วนการใช้สิทธิ์ GSP มีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.61 สหรัฐครองอันดับหนึ่งเช่นเดิม



นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในช่วง 7 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 42,129.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการใช้สิทธิประโยชน์อยู่ที่ร้อยละ 77.33 ลดลงร้อยละ 1.05 โดยแบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA จำนวน 12 ฉบับ ยังไม่รวมอาเซียน-ฮ่องกงที่เพิ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2562 มีมูลค่า 39,079.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 78.25 ของมูลค่าการส่งออกที่ได้สิทธิประโยชน์ ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 49,944 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยลดลงร้อยละ  2.32 และการใช้สิทธิ GSP จำนวน 4 ระบบ คือ สหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ มีมูลค่า 3,050.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น ร้อยละ 67.27 ของมูลค่าการส่งออกที่ได้สิทธิประโยชน์รวม ซึ่งมีมูลค่า 4,534.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ  18.61


สำหรับตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลง FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน มูลค่า 14,212.71 ล้านดอลลารNสหรัฐ จีน มูลค่า 10,740.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออสเตรเลีย มูลค่า 4,747.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ญี่ปุ่น มูลค่า 4,470.00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอินเดีย มูลค่า 2,654.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถบรรทุก ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ผลไม้ประเภทฝรั่ง มะม่วง และมังคุดสดหรือแห้ง และน้ำตาลจากอ้อย

ทั้งนี้ หากพิจารณายอดการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในช่วง 7 เดือนลดลงร้อยละ 2.32 พบว่าเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีสาเหตุมาจากการส่งออกบางตลาดลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และเงินบาทแข็งค่า ทำให้การส่งออกไปตลาดสำคัญ คือ อาเซียน ออสเตรเลีย ชิลี เกาหลีใต้ ลดลง จึงมีการใช้สิทธิประโยชน์ลดลงตามไปด้วย และเมื่อประเมินภาพรวมการใช้สิทธิประโยชน์ในช่วง 7 เดือนที่มีมูลค่า 42,129.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 52 ของเป้าหมายมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายในการที่จะบรรลุเป้าหมายที่กรมฯ ตั้งไว้ทั้งปี 2562 ที่มูลค่า 81,025 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ  9 แต่กรมฯ จะเดินหน้าผลักดันให้มีการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าอย่างเต็มที่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตลาดที่กรมฯ คาดว่าจะผลักดันให้มีการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าเพิ่มขึ้น คือ จีน โดยไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังจีน เพื่อทดแทนสินค้าจากสหรัฐที่ถูกจีนขึ้นภาษี เพราะพบรายการสินค้าบางรายการมีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่อัตราการใช้สิทธิฯ ยังไม่สูงมากนัก เช่น อาหารปรุงแต่งอื่นๆ ใช้สิทธิเพียงร้อยละ 76.65 เครื่องอัดลมหรืออัดก๊าซอื่นๆ ร้อยละ 57.88 ทับทิม แซปไฟร์และมรกต ร้อยละ 13.70 เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณที่เป็นของเทียมอื่นๆ ร้อยละ 2.61 และยังมีกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมต้นน้ำที่มีศักยภาพในการส่งออก แต่ยังใช้สิทธิฯ ได้ไม่เต็มที่ภายใต้กรอบ FTA ได้แก่ เส้นใยโพลีเอสเทอร์ ร้อยละ 4.04 เดนิม ร้อยละ 54.37 และส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับวัดหรือตรวจสอบของเครื่องฉายโพรไฟล์ ร้อยละ 36.52 เป็นต้นง


ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP ในช่วง 7 เดือน สหรัฐยังคงมีสัดส่วนการใช้สิทธิ์มากที่สุด คือ ร้อยละ 91.79 ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ GSP ทั้งหมด โดยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ อยู่ที่ 2,799.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 75.96 ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ GSP ซึ่งมีมูลค่า 3,685.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.96 รองลงมา คือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าการใช้สิทธิ์อยู่ที่ 155.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการใช้สิทธิ์ร้อยละ  26.69 จากมูลค่าที่ได้รับสิทธิ์ 580.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นรัอยละ  5.36 โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ถุงมือยาง เครื่องดื่มอื่น ๆ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเลนส์แว่นตา

ทั้งนี้ กรมฯ มีแผนที่จะเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ FTA และ GSP โดยเฉพาะความตกลง FTA อาเซียน-จีน ที่จะต้องขอใช้ Form E เพื่อประกอบการขอลดหย่อนภาษีนำเข้าสินค้าที่ประเทศปลายทาง (จีน) มากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจจะใช้สิทธิดังกล่าวจำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าและหลักเกณฑ์การขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form E) อย่างละเอียด เพื่อจะได้สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงได้อย่างถูกต้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

ยังระดมฉีดน้ำ-โฟม สกัดเพลิงไหม้โกดังสารเคมี

เหตุเพลิงลุกไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เพลิงสงบ ขณะที่ล่าสุด จ.ระยอง ประกาศให้พื้นที่ 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว

ร้อนทะลุ 42 องศาฯ จนท.ดับไฟป่า ฮีทสโตรก 3 ราย

อากาศร้อนทะลุ 42 องศาฯ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เข้าดับไฟป่า เกิดฮีทสโตรก หัวใจหยุดเต้น 3 ราย ต้องทำ CPR ก่อนหามลงเขาสูงชันกว่า 4 กม. ขึ้นรถส่งโรงพยาบาล