ก.ศึกษาฯ 14 ก.ย.- ‘ก.ศึกษา –คลัง’ ร่วมลงนาม โครงการลดภาระหนี้ครู ตามนโยบายนายกฯ โดยพบครูเป็นกลุ่มอาชีพที่มีหนี้สินมากที่สุด เฉพาะในระบบ ช.พ.ค.รวมถึง 4แสนล้านบาท ยังไม่รวมกู้นอกระบบ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาแบบเบ็ดเสร็จ หลังพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทั้ง2 กระทรวงหาแนวทางช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาภาระหนี้สินของครู โดยความร่วมมือครั้งนี้จะให้ลูกหนี้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของตนเองด้วยความสมัครใจ ด้วยการนำเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ครอบครัว(ช.พ.ค.)ที่ทายาทมีสิทธิ์จะได้รับในอนาคตมาค้ำประกัน ซึ่งธนาคารออมสินจะคิดดอกเบี้ยให้ในอัตราส่วนร้อยละ 4 ต่อปี ลดลงจากเดิมที่อยู่ประมาณร้อยละ 5.85-6.7 ต่อปี
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ครูที่เป็นหนี้และกู้เงินช.พ.ค.มีประมาณ 4 แสนคน เฉลี่ยเป็นหนี้รายละ 1 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะมีครูที่ได้รับการบรรเทาหนี้ประมาณ 289,000 คนและเตรียมช่วยเหลือครูที่เป็นหนี้อยู่ในขั้นวิกฤตเพิ่มอีก 40,000 คนในอีก 6 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันยังเตรียมวางแผนมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินครูที่เรื้อรังมาตลอดอีกด้วย เช่นทำหลักเกณฑ์การกู้เงินให้ยากขึ้น ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนที่รับรองการกู้เงินรับผิดชอบ หากครูใต้บังคับบัญชาเป็นหนี้เกินตัว
ด้านนายอภิศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครูเป็นกลุ่มอาชีพที่มีหนี้สินมากที่สุด ซึ่งในระบบ ช.พ.ค.เพียงอย่างเดียวมีรวมถึง 400,000 ล้านบาท ยังไม่รวมปัญหาการกู้จากแหล่งเงินอื่นๆและการกู้นอกระบบ ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาหนี้สินของครูกระทบต่อประสิทธิภาพของการเรียนของสอนของเด็กทางอ้อมด้วย ซึ่งในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ จะนำเรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และหาแนวทางไม่ให้ครูกลับมาเป็นหนี้ซ้ำหรือเป็นหนี้ได้ง่าย
สำหรับโครงการนี้เปิดให้ครูที่ยังมีภาระหนี้สินเชื่อโครงการเงินกู้ ช.พ.ค. กับธนาคารออมสิน ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้าร่วม โดยกำหนดวงเงินกู้เท่ากับจำนวนเงินฌาปนกิจที่จะได้รับ ซึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายงานฌาปนกิจ แล้วให้แบ่งเป็นสองส่วน คือ นำไปใช้หนี้เดิมสำหรับเงินต้น หรือปิดบัญชี และอีกส่วนนำไปจ่ายดอกเบี้ยตามเงินกู้สัญญาใหม่ โดยการเข้าร่วมโครงการจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของครูได้ถึงเดือนละ 1,200-2,400 บาท หรือลดจำนวนหนี้ได้ถึงคนละประมาณ 250,000 บาท .-สำนักข่าวไทย