สรท. คงเป้าส่งออกเติบโตทั้งปีร้อยละ 9

กรุงเทพฯ 4 ต.ค. – สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ คาดส่งออกไทย ยังเติบโตได้ร้อยละ 9 ตามเป้าหมายเดิม จากหลายปัจจัยบวก


นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) แถลงข่าวร่วมกับ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน สรท. และระบุว่า การส่งออกเดือนสิงหาคม 2561 มีมูลค่า 22,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวต่อเนื่องในระดับสูงเป็นเดือนที่ 18 ที่ 6.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) การส่งออกในรูปเงินบาทเท่ากับ 755,232 ล้านบาท ขยายตัว 6.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) ในขณะที่ การนำเข้าในเดือนสิงหาคม 2561 มีมูลค่า 23,383 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 22.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) และการนำเข้าในรูปของเงินบาทมีมูลค่า 784,848 ล้านบาท ขยายตัว 22.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) 

ส่งผลให้ เดือนสิงหาคม 2561 ประเทศไทยขาดดุลการค้า 588 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 29,616 ล้านบาท ภาพรวมช่วงเดือนม.ค.- ส.ค. ปี 2561 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 169,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 10.0% (YoY) คิดเป็นมูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทที่ 5,381,110 ล้านบาท ขยายตัว 1.9% (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 166,679 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 15.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า 5,379,050 ล้านบาท ขยายตัว 7.5% (YoY) 


ส่งผลให้ ช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2561 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 2,351 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2,061 ล้านบาท ส่งผลให้การส่งออกในเดือนสิงหาคม กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวที่ 4.1% (YoY) ขณะที่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ยังคงขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 ที่ 5.8% (YoY) 

การส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม ปี 2561 ยังขยายตัวดี โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดอาเซียนและ CLMV รวมถึงการส่งออกไปอินเดียและเอเชียใต้ยังขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกไปจีนชะลอลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.3 ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น สหรัฐและสหภาพยุโรป ยังคงขยายตัวร้อยละ 3.2 โดยการส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อน ด้านตลาดศักยภาพระดับรอง ลาตินอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ขยายตัวที่ร้อยละ 5.1 และและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัวร้อยละ 6.6 10.1 และ 78.6 ตามลำดับ ส่วนตะวันออกกลางยังหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 6.7 

สภาผู้ส่งออก คาดการณ์เติบโตทั้งปี 9% บนสมมติฐานค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.0 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และมีปัจจัยบวกสำคัญ ประกอบไปด้วย 1) ตลาดศักยภาพขยายตัวอย่างมากในแถบเอเชีย อาเซียน อินเดีย รวมถึงตลาดศักยภาพตลาดรองอย่าง รัสเซียและ กลุ่ม CIS (12) 2) การขาดดุลการค้าในเดือนสิงหาคม กว่าห้าร้อยล้านเหรียญสหรัฐ เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณการลงทุนของภาคการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย 3) ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออกในไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ 64.8 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ส่งออกไทย 4) ผลกระทบเชิงบวกจากสถานการณ์สงครามการค้าและการปรับขึ้นภาษีรอบที่สามของสหรัฐ พบว่ามีรายการที่ส่งผลดีต่อสินค้าไทยในการส่งออกสินค้าทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ เช่น สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ข้าว ยางพาราขึ้นรูป ผักและผลไม้ อาหารทะเล เป็นต้น 5) กลุ่มประเทศอาเซียน อาจได้รับอานิสงค์จากการย้ายฐานการผลิตของบริษัทระดับ Global Supply Chain ไม่ว่าจะเป็น ไทย เวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงและเป็นตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ ดึงดูดนักลงทุนต่างที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้า


ขณะที่ ความเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญประกอบด้วย 1) ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จากการไหลกลับเข้ามาของเงินทุนต่างประเทศในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) หลายประเทศเริ่มมีทิศทางแข็งค่าเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.75-2 แต่ผลจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทำให้เม็ดเงินยังคงต้องการ Save Haven ใน EM market 2) ความยืดเยื้อของสงครามการค้าที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อภาคการส่งออก และห่วงโซ่อุปทานได้ โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมายการค้ามาตรา 201 และ 232 ที่ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกเครื่องซักผ้า แผงโซลาเซลล์ เหล็กของไทยมาแล้วก่อนหน้า รวมถึงในกลุ่มสินค้าส่วนประกอบรถยนต์ที่อาจมีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลงเนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนในสหรัฐเริ่มกับมาผลิตชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น รวมถึงทิศทางการย้ายฐานการผลิตที่มีทิศทางการลงทุนไปยังประเทศเวียดนามและอินเดีย เป็นหลัก 3) ปัญหามาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ ทำให้ทิศทางราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 3 แตะระดับ 75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและต้นทุนการขนส่งสินค้าปรับสูงขึ้น กระทบต่อความสามารถในการบริโภคของอุปสงค์ภายในประเทศและผลกำไรของผู้ประกอบการในทางอ้อม 4) ราคาสินค้าเกษตรและประมงบางรายการ ที่ยังคงเผชิญสภาวะตกต่ำ โดยเฉพาะยางพารา (อุปทานล้นตลาด) กุ้งและน้ำตาล (จากการขาดแคลนวัตถุดิบ) มะพร้าว (ราคาตกต่ำจากอุปทานในตลาดที่เพิ่มขึ้น) และ 5) ปัญหาด้านโลจิสติกส์ อาทิ ปัญหาความแออัดภายในท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนโลจิสติกส์และกฎระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยความสะดวกในการส่งออก  – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย