พรรคประชาธิปัตย์ 26 ก.ย. -ที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เห็นชอบแก้ไขข้อบังคับให้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคก่อนให้ที่ประชุมใหญ่เลือก โดยให้สมาชิกทั้งหมดที่ยืนยันและยังไม่ยืนยันลงคะแนน โดยจะสามารถเลือกหัวหน้าพรรคได้ต้นเดือน พ.ย.นี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ กว่า 4 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมมีการถกเถียงรายละเอียดทุกแง่มุม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ในการพิจารณาแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งจะมีการออกระเบียบให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันมีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารใหม่ โดยมีทั้งหมด 41 คน จะกำหนดผู้หญิง 10 คน กรรมการสาขาพรรค 11 คน ต้องมีผู้หญิง 3 คน และต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปีอีก 1 คน ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนให้พรรคเกิดความก้าวหน้ามากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขั้นตอนระเบียบหยั่งเสียง ที่ประชุมเห็นชอบให้สมาชิกทั้งหมดที่ผ่านการยืนยันแสดงความเป็นสมาชิกพรรคจำนวน 8 หมื่นคน และสมาชิกเดิมกว่า 2.5 ล้านคนที่ยังไม่ยืนยันความเป็นสมาชิก มีสิทธิลงคะแนนหยั่งเสียง ส่วนวิธีการนับคะแนน จะใช้แบบวันแมนวันโหวตหรือระบบสัดส่วน คณะทำงานจะไปหารือ ซึ่งจะได้ข้อยุติภายในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันจะเริ่มเปิดรับสมาชิกใหม่ในวันที่ 1 ตุลาคม และนายอภิสิทธิ์ ยังยืนยันการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และทันทีที่เข้าสู่กระบวนการได้รับการเสนอชื่อในการหยั่งเสียงจะยุติการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีการใช้อำนาจสั่งการ ในฐานะหัวหน้าพรรค แต่จะไม่ลาออกจากตำแหน่งเพราะจะทำให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นต้องสิ้นสภาพและทำให้ไม่มีใครทำงานให้กับพรรคก่อนที่จะมีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งหลังจากนี้พักจะเริ่มต้นกระบวนการหยั่งเสียงภายในเดือนตุลาคมและได้หัวหน้าพรรคในช่วงต้นพฤศจิกายน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่าขณะเดียวกันมีการกำหนดนโยบายพรรคบรรจุไว้ในข้อบังคับพรรค โดยให้ความสำคัญกับด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นพรรคการเมืองแรกที่กำหนดไว้ ให้ความสำคัญกับประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้ความสำคัญแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ผลักดันทุกภาคเป็นศูนย์กลางความเจริญ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศให้เชื่อมโยงกับภูมิภาครวมถึงพัฒนาเมืองหลักทุกภาคในประเทศให้เป็นมหานคร ขณะเดียวกันระบบภาษีจะครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยโดยเป็นหลักสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนด้านการศึกษาจะดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเน้นทักษะเรียนจบแล้วมีงานทำ เช่นเดียวกับระบบสาธารณสุขประเทศจะต้องมีระบบประกันสุขภาพและเอกชนไม่เอาเปรียบประชาชน ขณะที่นโยบายด้านการเมืองพรรคประชาธิปัตย์พร้อมผลักดันบ้านเมืองให้กลับคืนสู่ประชาธิปไตยและหากข้อกฎหมายใดไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะแก้ไข และยืนยันจะใช้อำนาจที่ได้จากประชาชนโดยไม่ลุแก่อำนาจ พร้อมรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน.-สำนักข่าวไทย