เพชรบูรณ์ 14 ก.ย.-ชาวบ้านโพสต์คลิปดวงไฟประหลาดโผล่กลางนาใน อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ บางคนเชื่อเป็นผีกระสือ บางคนบอกไม่น่าใช่
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า กอล์พ ณัฐเดช ได้โพสต์ข้อความว่า # กระสือโผล่หลังบ้านยาย นี่มันปี 2018 นะเฮ้ย คืนนี้มาอีกนะ อยากเจอๆ # คนเห็นบอกชัดระดับ HD พร้อมนำคลิปวีดีโอที่มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพดวงไฟประหลาด สีแดงอมส้ม ที่โผล่ลอยอยู่เหนือยอดต้นมะม่วงที่กลางทุ่งนา ความยาวประมาณ 28 วินาที และภาพดวงไฟประหลาด สีแดงอมส้ม ที่ถ่ายเป็นภาพนิ่งอีกจำนวน 3 ภาพ มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ปรากฏว่ามีผู้เข้าชม กว่า 2,000 ครั้ง กดไลค์กดแชร์ และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งเชื่อว่าอาจจะเป็นแสงของผีกระสือตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าผีกระสือไม่น่าจะมีอยู่จริง น่าจะเป็นแสงที่เกิดจากดวงไฟอะไรสักอย่าง เช่น เป็นแสงจากเครื่องบิน แสงของโคมไฟ หรือ แสงไฟจากโดรน อากาศยานไร้คนขับ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 24 หมู่ 5 บ้านแก่งหินปูน ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พบนางพรทิพย์ ตรีสารศรี อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน และบรรดาญาติๆ ยังคงเฝ้ารอดูปรากฏการณ์ดวงไฟประหลาด ที่ลอยโผล่ขึ้นบนท้องฟ้าเหนือต้นมะม่วงที่กลางท้องนาหลังบ้าน ซึ่งคนเฒ่าคนแก่และชาวบ้านบางคนเชื่อว่า เป็นผีกระสือ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของคืนวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา
โดยนางพรทิพย์ ตรีสารศรี เล่าว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา มีญาตินำวัวที่ป่วยมาล้มที่บ้านและหลังจากชำแหละเนื้อวัวเสร็จ ญาติๆ ก็พากันเดินทางกลับ พอช่วงค่ำเวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่นั่งเล่นอยู่ที่หลังบ้าน ได้เหลือบไปเห็นดวงไฟประหลาด สีแดงอมส้มลอยโผล่อยู่เหนือยอดต้นมะม่วงที่กลางทุ่งนา ห่างจากหลังบ้านประมาณ 100 เมตร ตอนแรกคิดว่าเป็นไฟจากเครื่องบิน แต่เมื่อสังเกตดูพบว่า ดวงไฟดังกล่าวมีรูปร่างลักษณะคล้ายผีกระสือที่เห็นในภาพยนตร์ จึงได้ตะโกนเรียก น.ส.ศิราพร เกิดบึงพร้าว ลูกสาว ให้นำโทรศัพท์มาถ่ายภาพดวงไฟดังกล่าว โดยขณะที่ น.ส.ศิราพร เกิดบึงพร้าว ถ่ายภาพ ด้วยความตกใจกลัวจึงตะโกนเรียกนางละเอียด บุญส่ง ผู้เป็นย่า ให้มาช่วยดูว่าเป็นดวงไฟอะไรกันแน่ หลังเกิดเหตุก็คุยกัน เชื่อว่าถ้าเป็นผีกระสือจริง ก็มาตามกลิ่นคาวเลือดวัวที่ชำแหละช่วงบ่ายของวันเกิดเหตุ
ด้าน นางสาวศิราพร เกิดบึงพร้าว อายุ 16 ปี ผู้เป็นลูกสาว เล่าว่า ตอนแรกคิดว่าเป็นเครื่องบิน แต่พอมองดูดีๆแล้วไม่น่าจะใช้ เพราะไฟดวงใหญ่มาก ส่วนภาพที่สั่นน่าจะเกิดจากความกลัว แต่พอเรียกย่ามา ดวงไฟก็เริ่มถอยหลังห่างออกไปต่ำลงจนหายไป ซึ่งคาดว่าคงเกิดจากตนเสียงดังตอนเรียกย่า
ขณะที่นางละเอียด บุญส่ง อายุ 75 ปี ผู้เป็นย่า เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อน ก็เคยเห็นดวงไฟประหลาดดังกล่าว แต่ครั้งนี้พอหลานตะโกนเรียก พอวิ่งมาไฟก็หายไปแล้ว ถ้าใช่ผีกระสือจริงก็น่าจะเพราะได้กลิ่นคาวเลือดวัว เพราะเท่าที่เคยรู้มาผีกระสือชอบกลิ่นคาวเลือดและของสกปรก.-สำนักข่าวไทย