สธ.1ก.ย.-แพทย์เผยผู้ทำงานเป็นกะ มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ความดันโลหิตสูงฯลฯ แนะ 3 ข้อปฏิบัติ ‘นอนช่วงเย็นให้ได้ 2-3 ชั่วโมง-ไม่ทานมื้อหนักช่วงหลังเที่ยงคืน-ออกกำลังกายหลังตื่นนอน’
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า การดำเนินชีวิตด้านการทำงานของบุคคลทั่วไปมีช่วง เวลาทำงานระหว่าง 07.00-18.00 น.แต่ยังมีกลุ่มอาชีพที่ต้องทำงานเป็นกะนอกเหนือเวลาปกติ เช่น ตำรวจ บุคลากรทางการแพทย์และคนงานในโรงงานที่มีการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ จากการศึกษาพบว่าการทำงานของร่างกายมนุษย์ เช่น อุณหภูมิร่างกาย การผลิตฮอร์โมน การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต การทำงานของกระเพาะอาหารเป็นแบบ 24 ชั่วโมง โดยวงรอบการทำงานต่างๆ จะประสานสอดคล้องกัน โดยมีสมอง ปัจจัยภายนอกและสิ่งแวดล้อมเป็นตัวควบคุม ดังนั้นเมื่อต้องทำงานเป็นกะ ร่างกายจะมีการปรับวงจรการนอนให้สอดคล้องกับกะที่ทำงาน แต่วงจรอื่นๆ จะต้องใช้เวลาในการปรับ ซึ่งโดยทั่วไปประมาณ 1 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น ผลกระทบที่ตามมาคือนอนไม่เพียงพอ ทำให้อ่อนล้า สูญเสียสมาธิ และการตัดสินใจช้าลง นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงของความผิดพลาดและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
นพ.สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ กล่าวว่า ผลกระทบด้านสุขภาพมี 2 ระยะ คือ ผลระยะสั้น ผู้ที่ต้องทำงานกะดึกจะได้รับผลกระทบทันทีในคืนแรก ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ(ปริมาณชั่วโมงการนอน) และคุณภาพของการนอน(หลับไม่สนิท) ผลที่ตามมาคือความอ่อนล้า เครียด ประสิทธิภาพการตัดสินใจลดลง ส่วนผลระยะยาวจะมีอาการเครียดจากการนอนหลับไม่เพียงพอ มักเป็นสาเหตุที่นำมาซึ่งปัญหาสุขภาพต่างๆ ในระยะยาว ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ความดันโลหิตสูงและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ถึงร้อยละ 40 โรคกระเพาะอาหารมากกว่า 2.5 เท่าของคนปกติ โรคมะเร็งเต้านมของผู้หญิงถึงร้อยละ 30 โรคระบบทางเดินอาหาร โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคจิตประสาท กังวล ซึมเศร้า ปัญหาครอบครัวและสังคม สำหรับในผู้หญิงอาจมีผลต่อระบบฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ทำให้มีบุตรยาก คลอดก่อนกำหนดหรือแท้งได้ง่าย
สำหรับข้อแนะนำของผู้ทำงานเป็นกะ ได้แก่ 1.การนอน พยายามนอนช่วงเย็นให้ได้ 2-3 ชั่วโมงใช้เครื่องป้องกันเสียงเพื่อตัดเสียงรบกวน งดชา กาแฟ หรือสารกระตุ้นประสาทก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง 2.การรับประทานอาหาร ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อหนักในช่วงหลังเที่ยงคืน ให้ทานอาหารเบาๆ แต่อุดมไปด้วยคุณค่าอาหารซึ่งนมจัดได้ว่าเป็นอาหารที่เหมาะที่สุด เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารสูง ย่อยง่ายและเป็นสารเคลือบกระเพาะ 3.การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายหลังตื่นนอนจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายทำให้สดชื่นและกระฉับกระเฉง หากสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำจะทำให้สุขภาพแข็งแรงและพร้อมที่จะทำงานเป็นกะต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ .-สำนักข่าวไทย