ศาลายา 23 ส.ค.- มูลนิธิ-มหาวิทยาลัย ร่วมรณรงค์เด็กทุกคนต้องมีใบเกิด หลังพบลูกแรงงานข้ามชาติที่เกิดในไทยเข้าไม่ถึงการจดทะเบียนเกิดราว 4-5 หมื่นคนต่อปี
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดประชุมสัมมนานานาชาติ เรื่อง “การจดทะเบียนเกิด ประเด็นทางสุขภาพ และประเด็นทางสังคมของแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาในประเทศไทย” ที่อาคาร IPSR มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค.2561เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและความสำคัญในเรื่องของการจดทะเบียนการเกิดของเด็กแก่แกนนำและกลุ่มนักศึกษาทั้งจากประเทศไทย และจากเมียนมาจำนวน กว่า 200 คน
นายสราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยมูลนิธิศุภนิมิตฯ กล่าวว่า การประชุมนานาชาติครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ การเสริมสร้างพลังความเข้มแข็งให้กับองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อการปกป้องคุ้มครองเด็กข้ามชาติ ที่ทางมูลนิธิฯ ร่วมกับมูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบท และมหาวิทยาลัย มหิดล จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสหภาพยุโรป(อียู)เพื่อผลักดัน ส่งเสริมให้แกนนำกลุ่มแรงงานเมียนมา องค์กรภาคประชาสังคม นักศึกษาชาวเมียนมาที่มาศึกษาที่ไทยและแรงงาน ได้มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการจดทะเบียนรับรองการเกิดสำหรับเด็กที่เกิดจากแรงงานข้ามชาติและเกิดในไทย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กทุกคนต้องได้รับ และเพื่อมีความเข้าใจในนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิหน้าที่ของแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการจดทะเบียนการเกิดไม่เพียงรองรับสถานความเป็นมนุษย์เท่านั้นแต่ยังทำให้เด็กลูกแรงงานข้ามชาติได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล การคุ้มครองทางกฎหมาย สิทธิในการแต่งงาน เป็นต้น
นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตประธานคณะอนุกรรมการสิทธิ มนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานข้ามชาติที่ทำงานที่ไทยประมาณ 4 ล้านคน เข้าระบบถูกต้องประมาณ 1ล้านคน ในจำนวนนี้มีเด็กเกิดประมาณ 50,000-60,000 คนต่อปีแต่กลับพบมีเด็กเข้าสู่การจดทะเบียนการเกิดเพียงประมาณ 10,000 คน สาเหตุหลักคือความไม่เข้าใจสิทธิของแรงงานข้ามชาติ อีกทั้งแรงงานเองเกรงว่าหากไปหาเจ้าหน้าที่รัฐอาจถูกจับ ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร ไม่มีหน้าที่จับกุม และเจ้าหน้าที่รัฐเองยังไม่เข้าใจในตัวกฎหมายและหลักการปฏิบัติ ทั้งที่ พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร ถูกแก้ไขตั้งแต่ปีอ2551 ว่าให้เด็กทุกคนไม่ว่าสัญชาติไหนที่เกิดในไทย้องได้รับการจดทะเบียนการเกิด แต่ยังมีทัศนคติที่ไม่มีต่อแรงงานข้ามชาติเพราะส่วนใหญ่คิดว่าการจดทะเบียนแจ้งเกิด เด็กเหล่านี้จะได้สัญชาติไทยด้วย ซึ่งไม่เป็นความจริง ดังนั้น การทำความเข้าใจให้กับกลุ่มแรงงานเหล่านี้ ผ่านการแนะนำของแกนนำ อาสาสมัครต่างด้าว นักศึกษาข้ามชาติที่เข้ามาเรียนในไทย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แรงงานข้ามชาติเห็นความสำคัญของการมีใบเกิดและรู้ว่าตนมีสิทธิอะไรบ้าง และการจดทะเบียนการเกิดไม่ได้ส่งผลดีต่อเด็กที่จะไดรับการคุ้มครองทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อรัฐบาลไทยด้วย เนื่องจากการที่ไทยเปิดให้ลูกแรงงานข้ามชาติจดทะเบียนการเกิดจะทำให้ทราบตัวเลขของประชาชนที่อยู่ในไทยที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายการบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสราวุธ กล่าวต่อว่า โครงการนี้จะนำร่องรณรงค์สร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย คือแรงงานข้ามชาติกว่า 113,117 คนใน 3 จังหวัดคือ จ.ระนอง จ.ชุมพร และ จ.ตาก(อ.แม่สอด)รวมถึงองค์กรภาคประชาชนสังคมและองค์กรชุมชนไม่น้อยกว่า 10 องค์กร โดยคาดว่าจากการดำเนินการนี้จะสามารถทำให้เด็กที่เกิดจากแรงงานข้ามชาติเข้าสู่ระบบการจดทะเบียนการเกิดเพิ่มประมาณร้อยละ 35-95 ก่อนขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆต่อไป .-สำนักข่าวไทย
