อุดรธานี 18 ก.ย.- สสจ.อุดรธานี ห่วงยอดป่วยทางจิตเพิ่มจากสารเสพติด ต้องรีบบำบัดรักษาให้ต่อเนื่อง ชี้หากเสพหนักเสพนานอาการยิ่งรุนแรง ด้านรองผู้การอุดรฯ ยกเคสฆ่าหั่นศพมีภาวะป่วยทางจิตจากยาเสพติด
พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยถึงการจับกุมนายสถาพร สีเชียงสา หรือบอย ชาว จ.บึงกาฬ ผู้ต้องหาคดีฆ่าชำแหละศพที่ อ.เมือง อุดรธานี และฆ่าฟันคอที่ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภูว่า การสอบสวนเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหามีสภาพทางจิตจากการเสพยาเสพติดอย่างหนัก เรื่องนี้ถือว่าน่าเป็นห่วง และจากการทำงานในตำแหน่งรองผู้บังคับการที่จังหวัดบึงกาฬมา 2 ปี มีสถิติการจับกุมผู้เสพยากว่า 5,000 คน และมีคดีผู้มีปัญหาทางจิตจากการเสพยา ก่อคดีทำร้ายพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และคนอื่นหลายคดี บางคนถึงแก่ความตาย แต่รายที่มาเกิดที่อุดรธานีรุนแรงที่สุด หากไม่เร่งแก้ไขเกรงว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีก
ด้าน นพ.สมิต ประสันนาการ สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ผู้ป่วยมีอาการทางจิตหรือจิตเภทมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ยาเสพติดต่อเนื่อง 6 เดือน – 3 ปี และจะเรื้อรังหากเสพนานกว่า 3 ปี อาการเริ่มต้นคือหวาดระแวง ชอบใช้ความรุนแรงไปจนถึงการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งจะต้องได้รับการคัดกรองและบำบัดจากจิตแพทย์ ตามอาการของคนป่วยแต่ละคน โดยระบบสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญ กระจายการดูแลรักษาผู้ป่วยไปทุกจังหวัด สำหรับจังหวัดอุดรธานีมีโรงพยาบาลธัญญารักษ์ ดูแลรักษาผู้ป่วยทางจิตรุนแรงขนาด 70 เตียง การบำบัดรักษาต้องใช้เวลากว่า 4 เดือน และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีมีแผนกจิตเวช คอยดูแลรักษาผู้ป่วยระดับรองลงมา ส่วนโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอก็จะมีคลินิกจิตเวชให้บริการเดือนละครั้ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยเก่าที่ดูแลอยู่ ซึ่งจะต้องมาตรวจและรับยาให้ต่อเนื่อง ขณะที่ญาติพี่น้องเองจะต้องมีส่วนช่วยดูแลให้กินยา อาการทางจิตจะไม่กำเริบ
นพ.สมิต กล่าวด้วยว่า ช่วง ต.ค.-ธ.ค.ทุกปี อุดรธานีจะคัดกรองผู้ป่วย โดยร่วมกับ รพ.ชุมชน , รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) และ อสม. ลงไปเก็บข้อมูลทุกครัวเรือน แยกเป็นวัยเด็ก-วัยเรียน-วัยทำงาน-ผู้สูงอายุ ว่ามีสุภาพร่างกายและจิตใจ ดี-เสี่ยง-ป่วย หากมีผู้ป่วยทางจิตใหม่เข้ามาในพื้นที่ อาจจะเกิดขึ้นมาใหม่ ย้ายภูมิลำเนามาอาศัย หรือพ้นการรับโทษจากราชทัณฑ์ พ่อแม่ผู้ปกครองให้แจ้งได้ที่ รพ.สต. เพื่อส่งต่อให้ได้รับการตรวจรักษา.-สำนักข่าวไทย