กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยอมรับยอดขายไตรมาส 3 ฝืดหลังไม่มีมาตรการอสังหาฯของภาครัฐมาช่วยกระตุ้นรอบใหม่ งัดกลยุทธหลากหลาย ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ชูโปรโมชั่นแยกทำเลโครงการ
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)ยอมรับว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 /59 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 /59 ซึ่งเหมือนกับผู้ประกอบการอสังหาฯส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจาก มาตรการภาครัฐเรื่องการลดค่าโอน-จดจำนอง เพื่อกระตุ้นอสังหาฯหมดลงไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2559 และการที่พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป คนรุ่นใหม่ หรือเจเนอเรชั่น Y มีการก่อหนี้ ผ่อนสินค้าไอที สมาร์ทโฟน หรือแพคเกจอื่นๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มีการกู้ไม่ผ่านมาก ขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการอสังหาฯก็ต้องปรับตัวตอบสนองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท ได้ปรับตัวใช้สื่อสังคมออนไลน์เข้ามาเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ในพื้นที่อสังหาฯแต่ละจุด แต่ละทำเลมีความต้องการที่แตกต่างกัน จึงจัดโปรโมชัน ที่แตกต่างกันไป ไม่เหมือนในอดีต ที่ซื้อสื่อหลัก แล้วทำโปรโมชันเหมือนกันทุกทำเล เช่น บางทำเลก็ใช้โปรโมชั่นลูกค้าอยู่ฟรี 30 เดือน และใช้ เรื่องโซลาร์รูฟท็อป มาเป็นเรื่องจูงใจลูกค้า เป็นต้น ซึ่งพบว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดร
อย่างไรก็ตาม จากที่รัฐบาล ประกาศลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ โดยโครงการรถไฟฟ้ามีการลงนามการก่อสร้างที่ชัดเจน ก็ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯกล้าที่จะลงทุนมากขึ้น ประกอบกับเส้นทางรถไฟฟ้าไม่ได้กระจุกตัว อยู่แต่ในเมือง ก็จะทำให้ราคาที่ดินรอบแนวรถไฟฟ้ามีการกระจายตัว ไม่ได้ปรับขึ้นสูงก้าวกระโดดเหมือนในอดีต นอกจากนี้การที่ภาครัฐประกาศโครงการลงทุนภาคตะวันออก ก็จะทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น ดังนั้น ในปี 2560 บริษัท จะเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการ ในภาคตะวันออก เช่น ในอ.ศรีราคา จังหวัดชลบุรี
“อยากเห็นนโยบายกระตุ้นอสังหาฯรอบใหม่ เพราะจะช่วยให้เกิดการลงทุนและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งทั้งหมดก็คือสินค้าในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา มีโครงการบ้านประชารัฐ แต่ขณะนี้ก็ฝ่อลงมีการผู้ไม่ผ่านก็แยอะ ของบริษัทมียอดขอสินเชื่อกว่าพันล้านบาท แต่ก็ผ่านการพิจารณาหลักร้อยล้านบาทเท่านั้น”นางเกษรากล่าว
ทั้งนี้ ทาง เสนาฯยังคงเดินหน้าแผนลงทุนเปิดตามแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,670 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1,980 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,690 ล้านบาท -สำนักข่าวไทย